“กกพ.”ศึกษาแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่า เอฟที งวดถัดไปเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 ลุ้นปลายปีค่าไฟลด 23-50 สตางค์ต่อหน่วย

วันที่ 11 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน มีรายงานจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.ได้ศึกษาแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) งวดถัดไปเดือนก.ย.-ธ.ค.2566 หากบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท.สผ. สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยได้เพิ่มขึ้นจากหลุมโครงการ 1/61 หรือแหล่งเอราวัณ (G1) ตามแผน จะทำให้อัตราค่าเอฟทีลดลงได้มากกว่าปัจจุบัน

“หากปตท.ผลิตก๊าซในอ่าวไทยได้ตามแผน ค่าเอฟทีงวดถัดไปเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 อาจลดลงได้ถึง 50 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากราคาก๊าซในอ่าวไทยที่ผลิตได้มีราคาถูกกว่าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้า 2-3 เท่าตัว ซึ่งสามารถนำมาลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ และยืนยันกกพ.จะดำเนินการมาตรการลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้านอื่นอย่างต่อเนื่อง คำนึงถึงความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ตลอดเวลา สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน”

บิลค่าไฟ

ทั้งนี้หากราคาแอลเอ็นจีเฉลี่ยอยู่ที่ 14 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู (MMbtu) จะลดค่าเอฟทีได้ 30 สตางค์ต่อหน่วย หากราคาแอลเอ็นจีเฉลี่ยอยู่ที่ 15 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จะลดค่าเอฟทีได้ 26 สตางค์ต่อหน่วย และหากราคาแอลเอ็นจีเฉลี่ย 16 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จะลดค่า Ft ได้ 23 สตางค์ต่อหน่วย

อย่างไรก็ตาม กกพ.จะติดตามสถานการณ์ราคาแอลเอ็นจีนำเข้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาแอลเอ็นจีในตลาดโลกที่ปรากฏให้เห็นในวันนี้ จะเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในอีก 45 วันข้างหน้า เพราะกระบวนการสั่งซื้อก๊าซแอลเอ็นจี และขนส่งจากต้นทางมายังคลังก๊าซในประเทศไทยจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน