ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 7 สมาคม ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย (PGAT) และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ได้ลาออกจากสมาคมสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพร้อมมาร่วมกันฟื้น (สสทท. หรือ เฟตต้า) ซึ่งเคยมีบทบาทเมื่อ 10 ปีก่อน โดยวันนี้ได้ลงนามความร่วมมือในการจัดตั้งเฟตต้าพร้อมเรียกร้องรัฐบาลใหม่

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า แม้สถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเริ่มฟื้นแล้ว แต่สถานะของบริษัททัวร์อยู่ในสถานะย่ำแย่ โดยเฉพาะปัญหานักท่องเที่ยวจีนที่ไม่สามารถเข้าไทยได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากติดปัญหาการขอวีซ่าของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ซึ่งได้ร้องเรียนไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังแก้ปัญหาได้ไม่ลุล่วง จึงเป็นห่วงว่านักท่องเที่ยวจีนซึ่งตั้งเป้าหมาย 5-7 ล้านคน ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวจากหลายๆ ชาติฟื้นแล้ว แต่จีนเป็นชาติเดียวฟื้นตัวน้อยที่สุด โดยเดือนพ.ค. ฟื้นแค่ 20% ส่วนข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ สมาคมฯ เรียกร้องขอให้ชะลอหรือยุติการปรับขึ้นค่าแรงออกไปก่อน เพราะธุรกิจโรงแรมยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ประกอบกับมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เช่น ต้นทุนค่าไฟ ขณะเดียวกันจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจโรงแรมมีภาระหนี้สินเยอะ ประกอบการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับดอกเบี้ยสูงขึ้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้ขยายเวลาการจ่ายเงินต้นออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ

นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) กล่าวว่า จากรถบัสนำเที่ยวของสมาชิกสมาคมฯ 40,000 คัน ปัจจุบันรอดไม่ได้ 15,000 คัน โดย ประมาณ 4,000 คัน ให้บริการองค์กร โรงงาน ส่วนอีก 8,000 คัน ให้บริการนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ 90,000 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเท่าเดิม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่มีข้อเรียกร้องเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.ต้องการให้จัดสรรงบประมาณหรือกองทุนฟื้นฟูสภาพรถ ที่จอดนิ่งเป็นเวลากว่า 4 ปี ซึ่งใช้เงินซ่อมบำรุง 500,000 บาทต่อคัน

2.ต้องการให้ภาครัฐเร่งส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัสนำเที่ยว 3.ต้องการให้แก้เงื่อนไขของสำนักงบประมาณที่เพิ่งออกมา ในการประมูลงานภาครัฐ บริษัทต้องมีงบดุลไม่ติดลบ 1 ปี ซึ่งสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้บริษัท 90% ไม่มีใครไม่ติดลบ 4.ต้องการให้รัฐบาลออกนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาให้บริการทดแทนรถยนต์สันดาปเดิม ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีนโยบายเลย

“หลังจากนี้ทาง FETTA จะเดินสายพบผู้นำภาคเอกชน และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จ และมี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จะรวบรวมข้อเสนอทั้งหมดถึงรัฐบาล”

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การที่ทั้ง 7 สมาคมมารวมตัวกันในนาม FETTA เพื่อลดขนาดเครือข่ายให้มีความฉับไว คล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นมืออาชีพ โดยแต่ละสมาคมมีบุคลากรมากกว่า 100,000 คน โดยมีเป้าหมายร่วมกับรัฐบาลเพื่อวางแผนพัฒนาภาคการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน

“สำหรับก้าวต่อไป แนะนำองค์กรกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางแอตต้าเป็นหน่วยงานประสานเบื้องต้น จดทะเบียนจัดตั้ง FETTA ในอนาคต พร้อมร่วมกันจัดงาน Thailand International Tourism Conference ทุกปี เพื่อตอกย้ำภาคท่องเที่ยวไทยในฐานะผู้นำของภาคท่องเที่ยวโลก ซึ่งประเทศไทยเคยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นอันดับ 9 ของโลก และสร้างรายได้การท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 4 ของโลกเมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า FETTA ไม่ได้เป็นศัตรูกับ สทท.”








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน