น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานี พัฒนาโครงการเมกะมิกซ์ยูส “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และที่พักอาศัย พื้นที่รวม 440,000 ตร.ม. บนที่ดิน 23 ไร่ มุมถนนสีลม-พระราม 4 ถือว่าตั้งอยู่บนทำเลใจกลางกรุงเทพฯ และพร้อมยกระดับเทียบเท่ามหานครระดับโลก

ล่าสุดประกาศเปิดตัวแบรนด์ใหม่ เซ็นทรัล พาร์ค (Central Park) มูลค่าการลงทุน 20,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนา 2 องค์ประกอบสำคัญคือ ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค มีพื้นที่ 130,000 ตร.ม. และจะเปิดให้บริการช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ส่วนอาคารสำนักงานเซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศ มีพื้นที่ 130,000 ตร.ม. จะเปิดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยจะเป็นสำนักงาน Prestigious Class A ที่ดีที่สุดและสะดวกที่สุดในกรุงเทพฯ

“เราจะสร้างไฮเอนด์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ (High-end Lifestyle Hub) ที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของย่าน ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย กำลังซื้อสูง ซึ่งจะเชื่อมโยงกับ Urban Rooftop Park ขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ให้เทียบชั้นมหานครระดับโลก อย่าง Central Park ใจกลางนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ใจกลางลอนดอน โดยเซ็นทรัล พาร์ค เป็นโครงการลักชูรี่มิกซ์ยูสหนึ่งเดียวบนทำเล Super Core CBD หรือ ทำเลใจกลางของใจกลางเมือง ที่มีศูนย์การค้าเชื่อมโยงเข้ากับทุกองค์ประกอบ รองรับคนใช้บริการในย่านกว่า 25 ล้านคนต่อปี พร้อมมุ่งมั่นเป็นแลนด์มาร์กระดับโลกดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี”

อย่างไรก็ดี โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะเริ่มทยอยเปิดในปี 2567 โดยโรงแรม Dusit Thani Bangkok จำนวน 39 ชั้น 257 ห้อง เตรียมเปิดกลางปี 2567 จากนั้นจะเป็นศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน ในปี 2568 ส่วนที่อยู่อาศัยจะส่งมอบห้องให้ลูกค้าในปลายปี 2568 ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าในปี 2568 ประเทศไทยจะยังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ต่อเนื่อง โดยในปีหน้าคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย 40 ล้านคน เท่ากับช่วงก่อนโควิด ส่วนในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 25-30 ล้านคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน