นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง Ms. Angel Zhao Head of Globalization Leadership Group นำคณะผู้บริหารบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป จำกัด เข้าพบ ว่า ทางอาลีบาบาอยู่ระหว่างเร่งหารือแนวทางการลงทุนพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทยโดยเฉพาะรายใหม่ (สตาร์ตอัพ) ให้มีความรู้และเข้าใจการทำการตลาดและทำการค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงในระดับชุมชนและท้องถิ่น จังหวัด ระดับประเทศและระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย)

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายให้ไทยจะเป็นศูนย์กลางดิจิตอล (ดิจิตอล ฮับ) ในภูมิภาคนี้ คาดว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์นี้ หรือภายในเดือนมี.ค.นี้ ก่อนที่นายแจ๊ค หม่า ผู้บริหารสูงสุดของอาลีบาบา จะเข้าพบกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประกาศการลงทุนในไทยอย่างเป็นทางการช่วงเดือนเม.ย.นี้

“เบื้องต้นทางอาลีบาบาได้เข้ามาหารือ 4 เรื่องหลัก คือ แนวทางพัฒนาเอสเอ็มอีของไทยไปสู่ดิจิตอล 4.0 ซึ่งต้องมีการพัฒนาบุคลากร ในระยะต่อไปจะมีการจัดตั้งสถาบันผลิตบุคลากรที่ไม่ใช่โรงเรียน ไม่จำเป็นที่จะตั้งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่เหมือนในประเทศจีน แต่อาจตั้งเป็นสถาบันฝึกอบรมเฉพาะทางในด้านนี้แล้วช่วยฝึกพัฒนาบุคลากรของไทยและอาจให้เป็นประกาศนียบัตรหลังจากผ่านการอบรมความรู้แล้วให้ได้บุคลากรมีศักยภาพรองรับอุตสาหกรรมดิจิตอล การยกระดับสินค้าเกษตรทุกหมู่บ้านสู่การค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามโมเดลของแจ๊ก หม่า การยกระดับเอสเอ็มอีรายใหม่ให้เชื่อมโยงกับดิจิตอล ฮับ”นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวในหัวเมืองรองควบคู่กับการค้าไป เพราะปัจจุบันอาลีบาบามีแอพพลิเคชั่นที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมใช้ในการวางแผนการท่องเที่ยวและได้รับความนิยมมาก สามารถช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นคนรุ่นใหม่และมีกำลังซื้อเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น เช่นโครงการไทยแลนด์ริเวียร่าที่สนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง 4 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน