ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคเนื้อ-กระบือ และผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (Beef Board) ครั้งที่ 1/2567 ว่า ภายใต้การนำของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาราคาสินค้าปศุสัตว์ตกต่ำ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบให้กับเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม จึงมอบให้กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปเจรจากับต่างประเทศเพื่อขยายการส่งออกตลาดโคเนื้อและกระบือ ซึ่งจะทำให้ราคาในประเทศขยับขึ้นได้ ซึ่งความคืบหน้าขณะนี้ กระทรวงเกษตรฯ อยู่ระหว่างการเร่งเจรจาผลักดันการค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศจีนซึ่งความคืบหน้าเป็นไปในทิศทางบวก ตลอดจน ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ชนิดสินค้าปศุสัตว์ ได้แก่ โคมีชีวิตและผลิตภัณฑ์ โคขุนและโคเพื่อการทำพันธุ์ เนื้อโค เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ “โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ เพื่อเพิ่มรายได้สำหรับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย” (โคเพิ่มรายได้) วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับแม่โคเป็นของตนเองให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งกระตุ้น ฟื้นฟูตลาดการซื้อขายโคภายในประเทศ ระยะเวลาดำเนินการ ปีงบประมาณ 2567-2569 (3 ปี) โดยของบกลางสนับสนุนค่าจัดซื้อแม่พันธุ์โคให้กับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย จำนวน 4,000 ราย ได้รับการสนับสนุนโคเนื้อเลี้ยงเป็นอาชีพ ซึ่งจะเตรียมหารือกับสำนักงบประมาณ และเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป

อีกทั้ง เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคเนื้อ-กระบือ และผลิตภัณฑ์แห่งชาติ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แก้ปัญหาราคาตกต่ำ เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ประชุมจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งเพิ่มเติม 3 คณะ ดังนี้ 1.ยกเลิกคำสั่งเดิม ที่ 648/2561 ลงวันที่ 12 ก.ค. 2561 และแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคเนื้อ -กระบือ และผลิตภัณฑ์แห่งชาติขึ้นใหม่ โดยมี รมว.เกษตรฯ เป็นประธาน ปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นรองประธาน ลงวันที่ 31 ม.ค. 2567

2.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการการรักษาตลาดการบริโภคเนื้อโค-กระบือ และผลิตภัณฑ์ โดยมี นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ เป็นประธาน และ 3.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการต้นทุนการผลิตโคเนื้อ-กระบือ เพื่อจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิต สำหรับประกอบการกำหนดนโยบายด้านโคเนื้อและกระบือของประเทศไทยได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยมี เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นประธาน

สำหรับสถานการณ์การผลิตและการตลาดโคเนื้อ-กระบือ ของไทย ปี 2567 ดังนี้

ด้านการผลิต : โคเนื้อ ในปี 2567 คาดการณ์ว่าโคเนื้อมีจำนวน 9.95 ล้านตัว เกษตรกรจำนวน 1.44 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวนโคเนื้อ 9.65 ล้านตัว คิดเป็น 3% คาดการณ์ว่าผลผลิตโคเนื้อจะมีจำนวน 1.399 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 7.84% เนื่องจากในปี 2566 ประเทศไทยมีการเจรจาเปิดตลาดโคเนื้อมีชีวิตกับหลายประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งออกโคเนื้อได้เพิ่มขึ้นในปี 2567 ประกอบกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในส่วนของกระบือ คาดการณ์ปี 2567 มีจำนวนกระบือรวมทั้งสิ้น 1.8 ล้านตัว เกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือ 310,836 ราย คาดว่าผลผลิตกระบือจะมีจำนวน 418,000 ตัว เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีประมาณ 3.5 แสนตัว หรือ 16.08%

ด้านการตลาด : โคเนื้อ ราคาโคเนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ ณ เดือนมี.ค. 2567 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.10 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 86.52 บาท หรือลดลง 9.74% ในส่วนของกระบือ ราคากระบือมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ ณ เดือนมี.ค. 2567 ราคาเฉลี่ย 31,709 บาทต่อตัว ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ราคา 39,679 บาทต่อตัว หรือลดลง 20.09%

ด้านการนำเข้า – ส่งออก : โคเนื้อ ปี 2567 (ตั้งแต่ ม.ค.-ก.พ.) นำเข้าเนื้อโคสดและเนื้อโคแปรรูป จำนวน 5,130.58 ตัน มูลค่า 1,301.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวน 4,407.04 ตัน มูลค่า 1,143.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.42% โดยนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย มากที่สุด การส่งออกโคมีชีวิต จำนวน 15,326 ตัว มูลค่า 372.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวน 9,666 ตัว มูลค่า 275.41 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.56% ตลาดคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ลาว การส่งออกเนื้อโคสดและเนื้อโคแปรรูป จำนวน 98.03 ตัน มูลค่า 15.16 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่มีจำนวน 189.69 ตัน มูลค่า 26.70 ล้านบาท








Advertisement

ในส่วนของกระบือ ผลิตภัณฑ์กระบือปี 2567 (ตั้งแต่ ม.ค.-ก.พ.) มีการนำเข้าหนังกระบือหมักเกลือ จำนวน 348.74 ตัน มูลค่า 6.39 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีการนำเข้าหนังกระบือหมักเกลือ 273.20 ตัน มูลค่า 7.00 ล้านบาท โดยปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้น 27.65% แต่มูลค่าลดลง 8.69% ในช่วงเวลาดังกล่าวส่งออกเฉพาะกระบือมีชีวิตจำนวน 5,560 ตัว มูลค่า 100 ล้านบาท ประเทศคู่ค้าที่สำคัญได้แก่ ลาว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน