นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567

โดยมีหน้าที่และอำนาจให้คำปรึกษาและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการถือครองที่ดินและใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยมิชอบ ตามที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมส่งมาเพื่อให้ความเห็นในการดำเนินการเกี่ยวกับความผิดที่เกี่ยวกับการถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส่งมอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินคดีแพ่งและอาญาต่อไป ตลอดจนทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการสืบสวนสอบสวน ร้องทุกข์ กล่าวโทษ ข้าราชการ หรือผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เมื่อพบการกระทำความผิดอาญา

นายธนดล กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ถือเป็นนัดแรกภายหลังจากที่ รมว.เกษตรฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานฯ เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. ที่นายทุนรายใหญ่สวมสิทธิผิดกฎหมาย ตามนโยบายที่มุ่งมั่นเอาจริงยึดคืนที่ดินของรัฐที่ยังอยู่ในมือของกลุ่มนายทุน จะต้องเอาคืนมาให้กับพี่น้องเกษตรกร ผู้ยากไร้ ได้เข้าทำประโยชน์ จึงได้มอบหมายให้ตนแก้ปัญหาเรื่องนายทุน หากพบการกระทำความผิดที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบของ ส.ป.ก. ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเพิกถอนทันที โดยคณะทำงานชุดนี้จะเป็นกำลังหลักในการลงพื้นที่ตรวจสอบทั่วประเทศซึ่งจะทำงานร่วมกับ ส.ป.ก.จังหวัด

สำหรับการดำเนินคดี หากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิด ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จะเข้าดำเนินคดี และหากเป็นนายทุนที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. เกิน 50 ไร่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเข้าดำเนินคดีต่อไป อีกทั้งพบข้อมูลว่า นายทุนบางคนถือครองไม่ต่ำกว่า 500-600 ไร่ บางคน 10,000 ไร่ ซึ่งเร็วๆ นี้ จะลงพื้นที่ตรวจสอบ จ.ภูเก็ต และกาญจนบุรี ต่อไป

“ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักจัดการแผนที่และสารบบที่ดิน ส.ป.ก. รวบรวมข้อมูลทั่วประเทศ เบื้องต้นพบว่ายังมีอีก 3,000 เรื่อง และจะส่งมอบให้กับคณะทำงานชุดนี้ และดำเนินการต่อไป หากพบจังหวัดไหนกระทำความผิด เราก็จะนำทีม ส.ป.ก.จังหวัดนั้น ลงพื้นที่ไปกับเรา ใช้อำนาจของ ส.ป.ก. ในการเพิกถอน ไม่ใช่อำนาจของเรา เราเป็นผู้ที่ออกนโยบายและเป็นคณะทำงาน ส่วนการปฏิบัติให้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ถึงเวลาแล้วที่ ส.ป.ก. ทั่วประเทศต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ไม่ให้เป็นตกเป็นจำเลยสังคม และไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของนายทุน หาก ส.ป.ก. จังหวัดพบข้อมูลว่าพื้นที่ใดมีนายทุนเข้ามาถือครองแทนเกษตรกร หรือโรงแรม รีสอร์ทรุกล้ำพื้นที่ ส.ป.ก. ให้แจ้งข้อมูลมาที่คณะทำงานชุดนี้”นายธนดล กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน