นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2561 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2560-31 ธ.ค. 2560 พบหลากหลายปัญหาทั้งปัญหา ทางเทคนิค และปัญหาด้านจริยธรรม โดยปัญหาทางเทคนิค คือ มีการวางเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) ล่าช้า และไม่เพียงพอ รวมถึงการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านซิมโทรศัพท์ของเครื่องอีดีซีไม่เสถียร ทำให้การทำรายการชำระเงินเกิดการขัดข้อง

ส่วนปัญหาด้านจริยธรรมมีมากมาย อาทิ ร้านธงฟ้าประชารัฐไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนด อาทิ ไม่วางเครื่องอีดีซี บางแห่งแจ้งว่างดรับชำระค่าสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในช่วงปลายปี และให้นำบัตรมาใช้อีกครั้งในเดือนม.ค. 2561 เนื่องจากร้านค้ามีรายได้ในปี 2560 ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีแล้วคือ 1.8 ล้านบาทต่อปี

บางร้านไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าและถือโอกาสขึ้นราคาสินค้า บางร้านจัดชุดสินค้าเหมือนจัดกระเช้าปีใหม่ราคา 200 บาท และ 300 บาท โดยไม่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกซื้อตามความต้องการ และบางร้านยังไม่ได้วางเครื่องอีดีซี แต่ให้สิทธิ์ซื้อสินค้า โดยยึดบัตรไว้ และแจ้งว่าจะคืนบัตรให้เมื่อได้รับการวางเครื่องแล้ว แต่บางร้านก็นำเครื่องอีดีซีมาคืนเอง เพราะขายดีเกินไป ช่วงต้นเดือนลูกค้ามารอตั้งแต่ตี 5 รับไม่ไหว

นอกจากนี้ ยังพบปัญหากรณีผู้มีสิทธิ์ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแลกเป็นเงินสด โดยร้านค้าหักเงินไว้บางส่วน ส่วนร้านก๊าซหุงต้มที่วางเครื่องอีดีซีแล้วบางร้าน ในจ.แพร่ ยะลา และนราธิวาส ได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาขาย โดยให้ชำระค่าสินค้าด้วยวงเงินค่าก๊าซหุงต้มจำนวน 45 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ เบื้องต้นได้ตักเตือนร้านค้า และหากพบว่ากระทำอีกจะระงับสัญญาณเครื่องอีดีซี และให้สำนักงานคลังจังหวัดเรียกคืนเครื่องอีดีซีทันที

ทั้งนี้ พบว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 จำนวน 11,469,185 ราย โดยกรมบัญชีกลาง ส่งข้อมูลผู้ผ่านคุณสมบัติเพื่อผลิตบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วจำนวน 11,466,250 ราย คงเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ที่ยังไม่เคยมีบัตรประชาชนและรูปเสีย 2,935 ราย มีผู้รับบัตรไปแล้ว 10,862,290 ราย คิดเป็น 95% โดยมีการใช้จ่ายตามโครงการแล้วเป็นเงิน 8,923 ล้านบาท ของวงเงิน 46,000 ล้านบาท คิดเป็น 19.4% แบ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านร้านค้าประชารัฐจำนวน 8,843 ล้านบาท ผ่านร้านก๊าซหุงต้ม 6.2 ล้านบาท รถบขส. 28.8 ล้านบาท และรถไฟ 45.4 ล้านบาท

นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องอีดีซีเพิ่มเป็นงบกลางปี 2560 จำนวน 257 ล้านบาท เพื่อติดตั้งเครื่องเพิ่มอีก 20,000 เครื่อง เป็นเครื่องของร้านธงฟ้าประชารัฐ 10,000 เครื่องและเครื่องสำหรับร้านประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอีก 10,000 เครื่อง โดยเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2560 ครม. อนุมัติและติดตั้งไปแล้ว 4,200 เครื่อง วันที่ 30 ม.ค. 2561 อนุมัติเพิ่มอีก 22,121 เครื่อง รวมแล้วอนุมัติติดตั้งเครื่องอีดีซีไปแล้ว 26,321 เครื่อง และล่าสุดจะติดตั้งเพิ่มอีก 20,000 เครื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน