นายกฤษดา นุรักษ์เข ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป กลุ่มงานการขาย บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบิสกิต “กูลิโกะ” เปิดเผยว่า 2 ปีที่บริษัทได้เจรจาและ 1 ปี ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “เพรทซ์ เถ้าแก่น้อย รสโนริสาหร่าย” บิสกิตแท่งรสชาติสาหร่าย ร่วมกับ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) ผู้นำตลาดสาหร่ายปรุงรสของไทย

ล่าสุดผลิตเพื่อทำตลาดในรูปแบบจำกัด หรือลิมิเต็ด อิดิชั่น จำนวน 2 ล้านกว่ากล่อง และเริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางห้างค้าปลีก ค้าส่ง และร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในบางสาขาแล้ว รวมถึงช่องทางจำหน่ายผ่านร้านโชห่วยซึ่งเป็นช่องทางขายของเถ้าแก่น้อย และร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ทั้ง 7 สาขา ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.นี้เป็นต้นไป คาดว่าจะหมดภายใน 3 เดือน และสร้างรายได้ประมาณ 32 ล้านบาท

เดิมที่วางแผนไว้จะมีระยะเวลาวางจำหน่าย 4-5 เดือน แต่ผลตอบรับบณะนี้ผู้จำหน่ายต้องการสินค้าเพิ่มอีก อย่างไรก็ดีหากผู้บริโภคให้การตอบรับดี หลังจากนี้จะมีการเจราจาเพิ่มเติมเพื่อทำตลาดเพิ่มเติมอีก ประกอบกับในปลายปีนี้กูลิโกะยังมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มช้อคโกแลตเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงที่ห่วงเรื่องน้ำหนัก พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้กว่า 3,000 ล้านบาท เติบโต 15%

ด้านนายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อยฯ กล่าวว่า 3-4 ปีหลังมานี้การบริโภคขนมขบเคี้ยวหรือแสน็คเติบโตน้อยลงหรือปีละประมาณ 4% ตลาดค่อนข้างเงียบเนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งเรื่องการเมืองในประเทศและภาวะเศรษฐกิจซบเซา และผู้เล่นในตลาดไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาตอบสนองลูกค้า จึงเป็นที่มาของการทำตลาดร่วมกัน

ประกอบกับกูลิโกะ เป็นผู้นำตลาดบิสกิตในเอเชีย ขณะที่เถ้าแก่น้อยเป็นผู้นำตลาดสาหร่ายปรุงรสในไทย ซึ่ง 9 เดือนแรกปีนี้ตลาดรวมโต 4% ขณะที่เถ้าแก่น้อยโต 12% โดยโตมากกว่าเป้าหมายที่เดิมวางไว้โต 8% และคาดว่าทั้งปีจะเติบโตได้ 12-15% หรือมีรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตในประเทศ 10% จากสัดส่วนรายได้ที่ 45% ขณะที่ต่างประเทศมีการเติบโตมากกว่าและมีสัดส่วนรายได้ที่ 55%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน