นายอิสสระพงษ์ แทนศิริ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส เพื่อชมโบราณสถานและวัดวาอารามที่อ้างอิงในเนื้อเรื่อง อาทิ วัดพุทไธศวรรย์, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดไชยวัฒนาราม โดยยอดนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1-31 มี.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ราว 3 แสนคน เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติอยู่ที่ราว 1 แสนคนเท่านั้น โรงแรมในจังหวัดในช่วงสุดสัปดาห์ มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงราว 90% เพิ่มจากเดิมที่จะอยู่ราว 60-70% เท่านั้น จากจำนวนห้องพักทั้งหมดราว 7,000-8,000 ห้องทั่วจังหวัด

ปัจจุบันคนไทยมีสัดส่วนเดินทางท่องเที่ยวอยุธยาสูงสุดคือ 70% เทียบกับชาวต่างชาติราว 30% และตลอดปี 2560 มีนักท่องเที่ยวรวม 7.2 ล้านคน แต่ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน สร้างรายได้ราว 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วทำรายได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท

ช่วงสงกรานต์ปีนี้ ททท. จัดสงกรานต์กรุงเก่าเล่นน้ำกับช้าง ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย. บริเวณหน้าเรือนไทย สำนักงาน ททท.อยุธยา คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% หรือเติบโตจากปีที่ผ่านมามีการเข้าพื้นที่ในช่วงสงกรานต์ราว 8,000 คนต่อวัน มีกิจกรรมต่างๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ คือ เชิญชวนแต่งชุดไทยเพื่อเล่นน้ำกับช้าง และเปิดม่านน้ำพุในราว 10.00 น. พร้อมกับกำหนดจุดถ่ายภาพเพื่อให้นักท่องเที่ยวตามเก็บสะสมเพื่อนำมาแลกของรางวัลพิเศษในธีมละครบุพเพสันนิวาสด้วย

ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ จะอุ่นเครื่องก่อนด้วยกิจกรรมพิเศษ เปิดถ่ายรูปและปริ๊นท์ออกมาเป็นที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวที่แต่งชุดไทยมาเที่ยววัด เช่น วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งแต่เวลา 14.00-16.00 น. เพื่อรับกระแสการเดินทางที่ยังเข้ามาต่อเนื่องทุกสุดสัปดาห์

นายอิสสระพงษ์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ประเมินรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากพบว่าธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์พร้อมกันหมด โดยเฉพาะร้านเช่าชุดไทยที่บริเวณหน้าวัดไชยวัฒนาราม มีจำนวนราว 20 ร้านที่เปิดให้บริการอยู่ เพิ่มจากเจ้าประจำเดิมที่มีอยู่ราวไม่กี่ร้าน สนนราคาเฉลี่ยมีทั้งเริ่มต้นที่ 250 บาท ไปถึง 400-500 บาท ขณะที่ร้านอาหารและเครื่องดื่มมียอดขายเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ดังนั้น ทางจังหวัด และททท. หารือร่วมกันว่า เพื่อเตรียมความพร้อมกระตุ้นตลาดต่อเนื่องแม้ละครจะจบไปแล้ว จึงเตรียมร่วมมือกับธุรกิจท่องเที่ยว เช่น สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และผู้ประกอบการท้องถิ่น ทำให้การแต่งชุดไทยท่องเที่ยวเป็นความนิยมถาวรของอยุธยา โดยช่วยทำให้ร้านค้ามีมาตรฐานทั้งในเชิงคุณภาพและราคา และอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว เช่น จัดล็อกเกอร์ฝากของที่ปลอดภัย และให้บริษัทนำเที่ยวเชิญชวนลูกค้าแต่งไทยมาเที่ยวต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน