นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ถึงแนวทางการผลักดันการค้าสินค้าอาหารแห่งอนาคตของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ว่า อาหารแห่งอนาคตเป็นสินค้าดาวรุ่งที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าขั้นพื้นฐานของไทย รวมถึงจะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2566 ไทยส่งออกสินค้าอาหารแห่งอนาคต คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4,107.72 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 142,958.80 ล้านบาท) ขยายตัว 1.1% จากปีก่อนหน้า
ปัจจุบัน สนค. กำหนดคำนิยามอาหารแห่งอนาคตว่าเป็นอาหารที่ปลอดภัย ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใน 3 มิติ คือ สุขภาพและสังคม (Future Well-being) ความยั่งยืน (Sustainability) และนวัตกรรม (Innovation) โดยแบ่งอาหารอนาคตออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1. อาหารฟังก์ชัน (Functional food) และสารประกอบเชิงฟังก์ชัน (Functional ingredients) 2. อาหารทางการแพทย์ (Medical food) และอาหารเฉพาะบุคคล (Personalized food) 3. อาหารอินทรีย์ (Organic) และ 4. อาหารโปรตีนทางเลือก (Alternative protein)
“สินค้าอาหารแห่งอนาคต จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร รวมถึงต่อยอดจุดแข็งของไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารที่สำคัญของโลก ดังนั้น สนค. จึงได้ร่วมกับสมาคมการค้าอาหารอนาคต จัดทำ “แดชบอร์ดอาหารแห่งอนาคต” เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใช้ข้อมูลการค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอาหารแห่งอนาคตเชิงลึก ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการและภาคธุรกิจตัดสินใจ กำหนดทิศทางและกลยุทธ์ของธุรกิจได้ถูกต้อง โดยมีแผนจะเปิดตัว บนเว็บไซต์ คิดค้า.com ในเร็วๆ นี้”
อย่าไรก็ตาม ในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ปี 2567 ไทยส่งออกสินค้าอาหารแห่งอนาคต มูลค่า 1,437.26 ล้านเหรียญสหรัฐ (51,674.74 ล้านบาท) ขยายตัว 11.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และในปี 2566 ไทยส่งออก คิดเป็นมูลค่า 4,107.72 ล้านเหรียญสหรัฐ (142,958.80 ล้านบาท) ขยายตัว 1.1% จากปีก่อนหน้า เป็นสินค้าอาหารฟังก์ชันและสารประกอบเชิงฟังก์ชันมากที่สุด 3,684.50 ล้านเหรียญสหรัฐ (128,248.02 ล้านบาท) สัดส่วน 89.7 %ของการส่งออกอาหารแห่งอนาคตทั้งหมด
รองลงมา ได้แก่ อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล 183.73 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,391.96 ล้านบาท) โปรตีนทางเลือก 182.81 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,351.10 ล้านบาท) และอาหารอินทรีย์ 56.68 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,967.72 ล้านบาท) โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ สัดส่วน 13.8% รองลงมาคือ เวียดนาม 10.7% จีน 10.3% เมียนมา 7.8% และกัมพูชา 7.5% ตามลำดับ