น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) ส่งผลให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นไปทั้งคณะ ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองอีกครั้งนั้น
เบื้องต้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากในเชิงนโยบายสามารถเดินไปได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ดำเนินการตามนโยบายเหมือนเดิม เพราะภาคการท่องเที่ยวไทย ถือเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวต่อไป จึงเชื่อว่าไม่ว่ารัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่นโยบายหลักจะสานต่ออย่างแน่นอน ไม่มีประเด็นให้ต้องเปลี่ยนแปลง
“เรื่องท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่หยุดไม่ได้ เพราะเป็นภาคของการบริการ นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและคนไทยยังต้องการออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อรับบริการที่ดีมีคุณภาพ รวมถึงประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ทำให้เราต้องเดินหน้าต่อตามนโยบายด้านท่องเที่ยวที่เริ่มต้นทำมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนในแง่งบประมาณก็คาดว่าไม่ได้มีผลกระทบอะไรเช่นกัน เนื่องจากการจัดตั้งงบประมาณให้ ททท.เป็นไปตามจริง และใช้อย่างคุ้มค่าเป็นปกติอยู่แล้ว”
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า สำหรับตลาดต่างชาติที่มีความอ่อนไหวในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย และความไม่แน่นอนทางการเมือง ต้องบอกว่าในเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวไม่น่าจะถูกกระทบ เพราะไม่ว่าอย่างไรคนที่ต้องการออกเที่ยว หากตัดสินใจเลือกประเทศปลายทางในการเข้าไปท่องเที่ยวแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์การเมือง หรือผู้นำในประเทศนั้นๆ จะเป็นอย่างไร ก็จะเลือกไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้อยู่ดี
แต่หากเป็นส่วนของนักธุรกิจ นักลงทุน อาจต้องมองในอีกมิติที่แตกต่างกันไป โดยภาคการท่องเที่ยว หากเป็นปัจจัยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินส่วนบุคคล ก็จะมีผลกระทบน้อย รวมถึงหากไม่ใช่เหตุการณ์ที่มีผลให้การบิน เที่ยวบิน เส้นทางบินชะลอตัวลง ปัจจัยที่เกิดขึ้นอื่นๆ จะมีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวน้อย