นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนโยบายของบริษัทที่ตั้งเป้าให้ผลประกอบการ โดยเฉพาะในส่วนของยอดขาย ที่ภายในปี 2564 จะอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปีหน้าไป บริษัทฯ จะปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ ด้วยการเข้าไปในตลาดระดับพรีเมียม ทั้งบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ทาวน์เฮ้าส์ราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป และคอนโดมิเนียมราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งในเซ็กเม้นต์นี้มีสัดส่วนในตลาดรวมอยู่ที่ 20-32% จากมูลค่าตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีละ 350,000 ล้านบาท

ขณะนี้มีที่ดินพร้อมที่จะขึ้นโครงการได้ 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 9,500 ล้านบาท ในย่านทองหล่อ พญาไท เอกมัย และต้นถ.พหลโยธิน ซึ่งรูปแบบของแต่ละโครงการจะแตกต่างกัน ขนาดไม่ใหญ่ประมาณ 100-200 ยูนิต เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว ลดความเสี่ยง อีกทั้งยังทำให้เปิดโครงการได้บ่อยขึ้น ตั้งเป้าจะเปิดโครงการระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2560 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเน้นจุดขายที่ความแตกต่างของแต่ละโครงการ ที่มีรูปแบบเป็นของตัวเอง ทำเลที่ตั้งที่อยู่ในระดับซูเปอร์พรีเมียม บริการหลังการขาย รวมถึงสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าระดับบน ตั้งเป้าที่จะให้รายได้จากโครงการระดับพรีเมียมในปีหน้า มีสัดส่วนคิดเป็น 10% และภายใน 3-5 ปี สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% ใกล้เคียงกับตลาดรวม ทั้งนี้ จะทำให้บริษัทบริหารความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น เพราะมีโครงการครอบคลุมความต้องการในทุกระดับ หากตลาดเกิดความผันผวน หรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัททำยอดขายรวม 34,662 ล้านบาท คิดเป็น 68% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 51,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ยอดขายที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเปิดขายในไตรมาส 3 จำนวน 25 โครงการมูลค่า 22,431 ล้านบาท ในส่วนของรายได้ 9 เดือนแรก อยู่ที่ 32,972 ล้านบาท ลดลง 0.7% และมีกำไรสุทธิ 4,068 ล้านบาท ลดลง 13.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ใน 9 เดือนแรก บริษัท เปิดโครงการไปแล้ว 52 โครงการ มูลค่ารวม 42,145 ล้านบาท และในไตรมาส 4 นี้ เตรียมเปิดเพิ่มอีก 18-20 โครงการ ทำให้ทั้งปีเปิดโครงการรวม 70-72 โครงการ สูงกว่าเป้าหมายที่เคยวางไว้ที่ 60-65 โครงการ

ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาด 265,777 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หากยังไม่มีปัจจัยบวกมาสนับสนุน จากสภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของไตรมาส 4 ที่ยังชะลอตัว จึงคาดว่าทั้งปีตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะทรงตัวหรือใกล้เคียงกับปี 2558 คือมีมูลค่าตลาดรวมของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ 350,000 ล้านบาท

ส่วนในปีหน้ามองว่าตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสเติบโตได้เล็กน้อยอยู่ที่ 0.5% เพราะมองว่าปัจจัยลบต่างๆ ได้หมดไปแล้ว ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะพลิกฟื้นกลับมาแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน