คลังโชว์แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ‘ออมสิน-ธ.ก.ส.’ ปล่อยสินเชื่อแล้ว 22,400 ราย ยอดอนุมัติรวมกว่า 1,064 ล้าน – ปล่อยสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แล้วกว่า 4.4 หมื่นล้าน
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลังที่ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านมาตรการสินเชื่อต่างๆ ได้แก่ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินนอกระบบ สินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน รวมถึงมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566 – 7 พ.ย. 2567
มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 22,400 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,064.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 จำนวน 937 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 39.72 ล้านบาท
สำหรับเจ้าหนี้นอกระบบ กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเป็นช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยปัจจุบัน ณ เดือนต.ค. 2567 มีนิติบุคคล (บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้ว 1,143 ราย ใน 75 จังหวัด
และ ณ สิ้นเดือนส.ค. 2567 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4,614,023 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 44,723.36 ล้านบาท โดยเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง 368,429 บัญชีเป็นจำนวนเงินรวม 7,102.59 ล้านบาท โดยนิติบุคคลที่สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถดูข้อมูลการยื่นคำขออนุญาตได้ที่ www.1359.go.th หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1359
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ได้มีการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงประโยชน์และการคุ้มครองประชาชนให้ดียิ่งขึ้น การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น การส่งเสริมการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้มีความโปร่งใสและมีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12-27 ก.ย. 2567 และได้จัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวเผยแพร่ผ่านระบบกลางทางกฎหมาย (www.law.go.th) และเว็บไซต์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (www.fpo.go.th) เพื่อทราบต่อไป