น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2567/68 ทั้ง 9 เขตคำนวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั่วทั้งประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ในอัตรา 1,160 บาท/ตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับ 90.01% ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ (1,288.69 บาทต่อ/อ้อย) และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 69.60 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2567/68 เท่ากับ 497.14 บาท/ตันอ้อย
นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (ลอน.) เปิดเผยว่า สถิติการรับอ้อยเผารายวันของโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศ ณ วันที่ 11 ม.ค. 2568 พบว่าโรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาเข้าหีบลดต่ำลงกว่า 20% ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการรับอ้อยเผาน้อยกว่า 10% จำนวน 22 แห่ง โรงงานน้ำตาลรับอ้อยเผาเกิน 10-25% จำนวน 32 แห่ง และยังมีโรงงานน้ำตาลที่ไม่ให้ความร่วมมือ ที่ยังคงรับอ้อยเผาเกิน 25% จำนวน 4 แห่ง เฉลี่ยการรับอ้อยเผารายวันทั่วประเทศ คิดเป็น 14.89% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมด
ทั้งนี้ แม้การรับอ้อยเผาเข้าหีบจะลดลง แต่ยังมีโรงงานน้ำตาลใน จ.อุดรธานี และพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่ให้ความร่วมมือ และยังคงรับอ้อยเผาเข้าหีบสูงเกิน 25% มาตั้งแต่วันเปิดหีบ ทำให้คุณภาพอากาศโดยรวมยังไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สอน. จึงย้ำผู้บริหารและเจ้าของโรงงานน้ำตาลดังกล่าว ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างจริงจัง
“ถ้าโรงงานน้ำตาลรับอ้อยสดเข้าหีบได้กว่า 90% หรือสามารถลดการรับอ้อยเผาเฉลี่ยทั่วประเทศให้ไม่เกิน 10% ของปริมาณการรับอ้อยเข้าหีบทั้งหมดตลอดฤดูการผลิต 2567/68 จะทำให้สามารถลดการเผาอ้อยจากฤดูกาลผลิตที่แล้วลงได้กว่า 22 ล้านตัน หรือเทียบเท่าลดการเผาป่ากว่า 2.2 ล้านไร่ ลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้อีกกว่า 5,500 ตัน เมื่อเทียบปีก่อน ส่งผลให้คุณภาพอากาศทั่วประเทศดีขึ้นเป็นอย่างมาก”