ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยว่า ปี 2568 คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยหลักจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใกล้เคียงระดับปกติ เน้นการใช้ดิจิทัลและนวัตกรร เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility ตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าน้ำมันในประเทศไทยและดึงส่วนแบ่งการตลาดกลับมา มุ่งเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคและเป็นพาร์ทเนอร์ในการเดินทางสำหรับทุกคน (Mobility Partner) ผ่านเครือข่ายสถานีบริการพีทีที สเตชั่น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมในการขยายจากธุรกิจน้ำมันสู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based) เพื่อรองรับแนวโน้มพลังงานสะอาดในอนาคต เช่น การสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) รวมถึงพลังงานทางเลือกอื่นในอนาคต

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle จะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของร้านคาเฟ่ อเมซอน ตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้ครอบคลุมทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) และธุรกิจไลฟ์สไตล์อื่นๆ เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กในการดึงดูดลูกค้าให้กับธุรกิจหลักของ OR รวมถึงการศึกษาธุรกิจด้าน Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกรูปแบบและยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global ยังคงสานต่อนโยบายในการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชาในฐานะที่เป็นบ้านหลังที่สอง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงมีดีมานด์ สำหรับสินค้าและบริการของ OR รวมถึงแสวงหาโอกาสการเติบโตไปยังประเทศใหม่ โดยร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยสนับสนุนต่อยอดในธุรกิจปัจจุบันมุ่งหวังสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

“ปี 2568 โออาร์จะใช้งบลงทุนรวม 18,886.9 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Mobility จำนวน 7,656.7 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จำนวน 7,280.4 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Global จำนวน 2,771.8 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจ Innovation & New Business อีกจำนวน 1,178.0 ล้านบาท”

ม.ล.ปีกทอง กล่าวว่า แม้ผลการดำเนินงานปี 2567 โออาร์มีกำไรสุทธิ 7,650 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 31.0% คิดเป็น 3,444 ล้านบาท ตามรายได้ขายและบริการอยู่ที่ 723,958 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5.9% คิดเป็น 45,783 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงและราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยปรับลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยรายได้ขายลดลง 7.4%

แต่ทั้งนี้ สวนทางกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้น 8.2% ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม โดยปี 2567 ร้านคาเฟ่ อเมซอน มียอดขายรวมกว่า 400 ล้านแก้ว ถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้น 10.9% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 17,666 ล้านบาท อ่อนตัวจากกลุ่มธุรกิจ Mobility

“กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังแข็งแกร่ง โดยปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งกลุ่มธุรกิจ Global ก็ปรับเพิ่มขึ้น จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ฟื้นตัวในประเทศฟิลิปปินส์ ภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปกติยังปรับลดลง 11.7% จากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ซึ่งปีที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายพิเศษ เนื่องจากใช้กลยุทธ์การทบทวน Portfolio ยุติธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ทำกำไรและมีโอกาสเติบโตในอนาคต ส่งผลดีต่อธุรกิจของ OR ในระยะยาว”

ในปี 2567 ที่ผ่านมา OR ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ติดอันดับรายชื่อหุ้นยั่งยืนที่ระดับสูงสุด “AAA” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงยังคว้าอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับสากล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน