เปิดใจเจ้าของ ‘ยืดเปล่า’ จากเงินทุน 8,000 เริ่มต้นธุรกิจ สู่แบรนด์มูลค่า 1,100 ล้าน ชี้หากมองเห็นโอกาสและไม่ยอมแพ้ ก็สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
26 มี.ค. 68 – นายทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว เจ้าของแบรนด์ “ยืดเปล่า” เปิดใจในงานเสวนา PRACHACHAT FORUM: NEXT MOVE Thailand 2025 หัวข้อ “ตามหาโอกาส..โลกป่วน เกมเปลี่ยน”
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า การเริ่มต้นธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นความท้าทายที่สามารถสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ หากมองเห็นโอกาสและไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะในวงการค้าขายที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างรุนแรง
ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ตนมีเงินทุนเพียงแค่ 8,000 บาท เป็นเงินที่ขอแม่มา 5,000 บาท และใช้เงินตัวเองอีก 3,000 บาท แต่ด้วยความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้เกมธุรกิจทั้งด้านการผลิต บริหารสินค้าและการขายหน้าร้าน ช่วยให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
เราเริ่มต้นจากการขายสินค้าราคาประหยัด เช่น กางเกงขาสั้น บ็อกเซอร์มือสองในตลาดนัดย่านรามคำแหง แม้วันแรกจะขายได้เพียง 200 บาท แต่รับมือด้วยการปรับยุทธศาสตร์การตั้งแผงเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่เพิ่มจำนวนสินค้าตัวโชว์ เปลี่ยนรูปแบบการพับสินค้าให้ดูน่าสนใจ ซื้อไฟมาติดในร้านเพิ่มความสว่าง ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากหลักร้อยสู่หลักพัน
ในส่วนของการทำแบรนด์ “ยืดเปล่า” ใช้ยุทธศาสตร์ผสมผสานระหว่างจุดขายที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างการเป็น “เสื้อยืดที่ไม่ย้วย” รวมราคาจับต้องง่ายที่ 100 บาท ด้วยการทำให้ไลน์อัพสินค้าเรียบง่ายมีเพียงเสื้อยืดและผลิตในประเทศ 100% ช่วยให้สามารถบริหารสินค้าได้ง่าย ควบคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ จึงสามารถทำราคาที่แข่งขันได้
ช่วงการระบาดของโควิด-19 เป็นอีกความท้าทายสำคัญ แบรนด์ตัดสินใจแบบสวนกระแส ด้วยการอัดงบด้านการตลาดเพิ่ม พร้อมมุ่งไปยังช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก แทนหน้าร้าน ก่อนจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส อาศัยช่วงที่วงการค้าปลีกกำลังฟื้นตัวจากโควิด-19 เข้าชิงพื้นที่ในห้าง-ศูนย์การค้าในจังหวะที่ค่าเช่ายังคงต่ำต่อเนื่องมาจากช่วงการระบาดของโควิด-19
วันนี้ “ยืดเปล่า” เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท ไม่เพียงแค่มีร้านค้าในห้างสรรพสินค้าใหญ่ แต่ยังเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นและราคาที่จับต้องได้ ที่สำคัญแบรนด์สามารถรักษาความเป็นเอกลักษณ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้า จนมีความพร้อมที่จะขยายฐานออกสู่ตลาดโลกในอนาคต
