ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) โดยมีสัดส่วนผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ในปี 2567 และจะเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super Aged Society) โดยมีจำนวนผู้สูงอายุ 31% ของประชากรทั้งหมดในปี 2583

รายงานพิเศษ

รูปแบบบ้านพักคนชราญี่ปุ่น

ปัญหาที่ตามมาคือ ชีวิตความเป็นอยู่ในปั้นปลายที่อาจมีความเสี่ยงจากการขาดรายได้ที่แน่นอน ขณะที่รายจ่ายกลับเพิ่มสูงขึ้นจากภาระการดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาล รวมไปถึงรายจ่ายระยะยาวที่จำเป็นอย่างค่าเช่าที่พักอาศัยสำหรับคนที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง อาจทำให้ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ขาดคนดูแลจน กลายเป็นปัญหาของสังคมไทยในไม่ช้า

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งดำเนินพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” มองเห็นถึงปัญหานี้จึงเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุในไทย

รายงานพิเศษ

สภาพบ้านพักคนชราญี่ปุ่น

เพื่อให้รูปแบบสินเชื่อของธนาคารตอบโจทย์ผู้สูงอายุได้ครอบคลุม ระหว่างวันที่ 28 พ.ค-1 มิ.ย.2568 ทีมผู้บริหารระดับสูง ของ ธอส. นำโดย นางภานิณี มโนสันติ์ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานสินเชื่อ และ นายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานปรับโครงสร้างหนี้ ได้นำคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย บินลัดฟ้าเดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับสภาพปัญหา แนวทางการแก้ปัญหา และต้นแบบที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุที่มีประสิทธิภาพ ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแห่งแรกของโลกในปี 2549 ที่มีประสบการณ์ด้านนี้มายาวนาน

รายงานพิเศษ

ภานิณี มโนสันติ์

โดยเข้าเยี่ยมชมต้นแบบบ้านพักคนชรา วากาตาเกะ โนโมริ (Wakatake noMori) ในเมืองโยโกฮามา ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2557 เป็นโครงการที่เน้นให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตยามแก่ชราไปจนถึงวันที่สิ้นอายุขัยเลยทีเดียว

 

รายงานพิเศษ

เตียงนอนของบ้านพักคนชรา

รับดูแลผู้สูงอายุทั้งของภาครัฐและเอกชน สำหรับภาคเอกชนได้กำหนดให้คนเข้าพักต้องมีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ โดยทุกวันนี้คนที่อาศัยอยู่อายุต่ำสุดเพียง 74 ปี และอายุมากสุดถึง 99 ปี ห้องพักมี 3 ขนาด 20, 40 และ 50 ตารางเมตร ออกแบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น ไม่มีขั้นบันไดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหกล้ม ห้องนอนเลื่อนฉากกั้นเปิดปิดได้ ห้องน้ำมีแผ่นกันลื่นและเก้าอี้พยุงตัว

ทุกจุดของบ้านพักมีราวให้จับ ออกแบบห้องให้สามารถรับแสงสว่างให้มากที่สุดเพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดโรคซึมเศร้า สมกับรางวัล Good Design Award 2015 ที่บ้านแห่งนี้ได้รับมา ที่สำคัญยังสามารถเรียกพยาบาลให้มาดูแลยามเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างทันท่วงที

นางภานิณี มโนสันติ์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินเชื่อ ธอส. ได้ใช้โอกาสนี้ฉายภาพให้สื่อมวลชนฟังถึงพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุว่า ขณะนี้ ธอส. มีโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) เน้นให้ความสำคัญกับการมีที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพของลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงผู้สูงอายุรองรับสังคมผู้สูงวัย (Aging Society) โดยล่าสุดได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่รองรับสังคมสูงวัย อาทิ

รายงานพิเศษ

สภาพห้องครัวของบ้านพักคนชรา

(1) โครงการบ้าน ธอส. สร้างสุขเพื่อผู้สูงวัย ปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 1.90% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรก 2.50% กู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้น 4,600 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อต่อเติมขยาย หรือซ่อมแซมบ้านตามแบบบ้านผู้สูงอายุ และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย

(2) โครงการสินเชื่อ Aging Home ปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 10 ปี เท่ากับ 4.25% ต่อปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้น 4,000 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยต้องกู้ร่วมกับบุตรที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป รวมระยะเวลากู้สูงสุด 70 ปี เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย พร้อมกับการขอกู้ในวัตถุประสงค์หลัก และชำระหนี้พร้อมรีไฟแนนซ์

(3) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี สามารถนำที่อยู่อาศัยของตนเองที่ปลอดจำนองมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้ วงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท กรณีที่ดินพร้อมอาคาร ให้กู้ไม่เกิน 50% ของราคาประเมิน ที่ดินและอาคาร กรณีห้องชุด ให้กู้ไม่เกิน 30% ของราคาประเมินห้องชุด อัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา ระยะเวลาการให้กู้สูงสุดไม่เกิน 25 ปี มั่นใจว่ามาตรการข้างต้นจะตอบโจทย์ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุในไทยได้เป็นอย่างดี

รายงานพิเศษ

วิทยา แสนภักดี

ด้าน นายวิทยา ได้อัพเดตภาพรวมการดำเนินงานของ ธอส. ให้สื่อมวลชนฟัง ว่าธอส. ยังคงเดินหน้าดำเนินการตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ควบคู่กับบทบาทในการเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยตลอดระยะเวลากว่า 71 ปี ธอส.ทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วกว่า 4.6 ล้านครอบครัว ส่วนผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 25 พ.ค.2568 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 80,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.75% คิดเป็น 35% ของเป้าหมายในปี 2568 ที่ตั้งไว้ที่ 241,780 ล้านบาท และยังคงครองแชมป์สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) 42.8% ณ ไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 แม้ว่ามีเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นแต่มีผลกระทบระยะสั้น แต่ยอดการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม ธอส.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังคงเชื่อมั่นและต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง

รายงานพิเศษ

ห้องน้ำบ้านพักคนชรา มีอุปกรณ์ดูแลผู้สูงอายุ

โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งมีปัจจัยบวกมาจากการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำที่หลากหลายและตรงกับความต้องการของลูกค้ารวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การประกาศใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

วันนี้ ธอส. ได้เริ่มต้นบทบาทดูแลด้านที่อยู่อาศัยแล้ว แต่ปัญหาของกลุ่มผู้สูงวัยไม่ได้จำกัดเพียงแค่เรื่องบ้าน ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการ เพื่อรองรับสังคมสูงวัยไทยให้ครอบคลุมอย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไทยให้ใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างมีความสุข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน