ตลาดหลักทรัพย์ฯเผยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 – มองการเมืองชัดเจน/เอ็มเอสซีไอเพิ่มน้ำหนักลงทุน

นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นต่อเนื่อง – นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเม.ย.-พ.ค. พบว่านักลงทุนต่างประเทศได้เข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากความเชื่อมั่นต่อการเมืองในประเทศที่มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ รวมถึงเอ็มเอสซีไอ ซี่งเป็นบริษัทที่จัดทำดัชนีราคาหุ้นชั้นนำของโลก ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยในรอบเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้า เมื่อประเทศไทยได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว เชื่อว่าการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ จะเป็นเรื่องแรกๆ ที่รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาเร่งดำเนินการ ซี่งจะเป็น ปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทย ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ และเพิ่มความรุนแรงด้านมาตรการตอบโต้ระหว่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง แต่ทั้งนี้ล่าสุดยังมีข่าวที่มาสนับสนุนตลาดในเชิงบวก คือ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ดี คงต้องติดตาม

“แนะนำนักลงทุน ให้ติดตามข่าวสาร อย่าตื่นตระหนกกับข่าว และติดตามข้อมูลจากแหล่งที่ถูกต้อง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ก็มีความพร้อมที่จะเป็นแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน”

นายศรพล กล่าวถึงสรุปภาพรวมตลาดภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนพ.ค. 2562 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดที่ 1,620.22 จุด เพิ่มขึ้น 3.6% จาก สิ้นปี 2561 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน แต่ปรับลดลง 3.2% จากสิ้นเดือนเม.ย. 2562 ขณะที่มูลค่าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย ในเดือนพ.ค.ปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 58,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากเดือนก่อน โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิที่ 3,752 ล้านบาท และสถานะล่าสุด ณ วันที่ 7 มิ.ย. ต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5,300 ล้านบาท ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต่างชาติมอง คือ รัฐบาลมีความต่อเนื่องของโครงการลงทุนขนาดใหญ่

ประกอบกับปัจจุบันจำนวนบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่มีการลงทุนในต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2561 มีจำนวน 231 บริษัท ในทุกอุตสาหกรรมและเป็นบจ.ทุกขนาด โดยคิดเป็น 44% ของบริษัทจดทะเบียนใน SET ที่มีการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน โดยเมียนมามีจำนวนบริษัทไปลงทุนมากที่สุด ตามด้วยเวียดนาม และอินโดนีเซีย เนื่องจากเห็นโอกาสทางการเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อเทียบของไทยที่มีการเติบโต 3-4% ขณะที่กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มีการเติบโต 7-8%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน