น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,500-1,550 จุด โดยยังคงให้น้ำหนักเชิงบวกต่อกรณีที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP สหรัฐ ปี 2564 หลังประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “American Rescue Plan” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังซาอุดิอาระเบีย ปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมในเดือนก.พ. และ มี.ค. 2564 เพื่อรักษาระดับของปริมาณน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับสมดุล รวมถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีความคืบหน้าของการส่งมอบและดำเนินการฉีดให้กับประชาชนในหลายประเทศแล้ว

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นตัวแปรในการฉุดตลาด ฝ่ายวิจัยมองว่า ยังคงเป็นสถานการณ์โควิด-19 ที่จนปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทะลุ 90 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1.9 ล้านราย ส่งผลให้หลายประเทศทั้งในทวีปยุโรปและเอเชีย ประกาศมาตรการเข้มงวดระยะห่างทางสังคมเพิ่มเติม ขณะที่ ประเทศไทย ก็ยังมีการตรวจพบการแพร่ระบาด เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เพิ่งประกาศใช้ คาดว่าสหรัฐอาจมีการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังทบทวน GDP ใหม่ ปี 2564 ลดลงจากเดิม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ระบาดเป็นวงกว้างและเร็วกว่าการระบาดรอบแรก แม้ผลกระทบไม่รุนแรงเท่าการแพร่ระบาดรอบแรกแต่ก็ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูง ส่วนทางด้านการรายงานผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารปี 2563 ที่ทยอยแจ้งงบภายใน 21 ม.ค.นี้ มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น แต่ด้วยฐานะเงินกองทุนที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้ธปท.ยอมให้จ่ายเงินปันผลประจำปี และมองว่าช่วงนี้อาจมีแรงขายจากสถาบันในประเทศ เพื่อนำเงินบางส่วนไปจองซื้อหุ้น OR ในช่วงปลายเดือนม.ค.

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย ยังแนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยลงทุนหุ้นกลุ่ม GREEN ENERGY ได้รับอานิสงส์จากนโยบายโครงการสีเขียว (Green Recovery) ของนายโจ ไบเดน ได้แก่ : EA, GPSC, BCPG, BGRIM และ RATCH พร้อมกันนี้ ยังแนะลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร ได้แก่ : BBL เนื่องจากซื้อขายที่ PBV 0.5 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่เท่ากับ 0.7 เท่า และเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโตได้ดีเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่วนTISCO มองว่ายังมี yield อยู่ในระดับสูงราว 5-6%

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองภาพรวมของการลงทุนในทองคำว่า ทองคำมีโอกาสรีบาวด์ แต่ทั้งนี้หากไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,875-1,890 $/Oz ให้ระวังแรงขาย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ยังทรงตัวใกล้ระดับ 1% เป็นปัจจัยกดดัน อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่เฟดยังคงเดินหน้าเพิ่มขนาดงบดุล ยังเป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาทองคำ ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยประเมินแนวรับที่ 1,820-1,830 $/Oz


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน