สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 25 ต.ค. 2564 SET Index ปิดที่ 1634.20 จุด เปลี่ยนแปลง -9.22 จุด หรือ -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 65,177.10 ล้านบาท โดยตลาดยังคงขาดปัจจัยใหม่ๆ คาดตลาดยังคงให้น้ำหนักต่อการประกาศผลประกอบการของ บจ. ภายในแต่ละประเทศ

ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ออกมาส่งสัญญาณเตรียมเริ่มกระบวณการปรับลดวงเงินในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย เราคาดว่าน่าจะเริ่มปรับลดจริงหลังจบการประชุม FOMC เดือนพ.ย. ที่จะถึงนี้ คาดปัจจัยดังกล่าวจะยังเป็นจิตวิทยากดดัน Upside ของราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

อย่างไรก็ดี ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ส่งมอบเดือน ธ.ค. ยังคงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น +1.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรล (+1.53%) ยังคงได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางในหลายๆ ประเทศทั่วโลกหนุนอุปสงค์น้ำมันปรับตัวขึ้น รวมทั้งภาวะอุปทานน้ำมันยังคงมีแนวโน้มตึงตัวต่อไป

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศมีมุมมองเชิงบวกต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ภายในประเทศปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้งที่ระดับ 8,675 ราย ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน รวมทั้งนายกฯ ลงนามประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวกรุงเทพฯ และอีก 16 จังหวัดท่องเที่ยว บ่งชี้แนวโน้มในการฟื้นตัวของการบริโภคและบริการที่มากขึ้นภายในประเทศ

พร้อมทั้งกระทรวงการต่างประเทศเปิดรายชื่อ 46 ประเทศเสี่ยงต่ำกลุ่มแรก ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่ 1 พ.ย. คาดจะหนุนภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย

ขณะที่การประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารโดยรวมออกมาดีกว่าที่เราและตลาดคาดราว 10.65% จากตัวเลข NPL ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่ตลาดคาด ทำให้การตั้งสำรองค่อนข้างทรงตัว และคาดว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ช่วงปีหน้า

โดยปัจจัยสนับสนุนในช่วงนี้ มาจากหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ จากการที่ ธปท. ผ่อนคลายเพดาน LTV เป็น 100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จากเดิมที่ 70-90% ถึงสิ้นปี 2565 สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ทั้งรีไฟแนนซ์ และสินเชื่อ Top-Up เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

คาดส่งผลดีต่อภาพรวมกลุ่มอสังหาฯ ช่วยกระตุ้นความต้องการให้กลับมา ทั้งจากการขอสินเชื่อได้เต็มจำนวน และสามารถซื้อหลังที่ 2 เป็นต้นไป ซึ่งคาดมีอยู่ราว 20% ก่อนมาตรการ LTV บังคับใช้ พร้อมคาดช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีปัญหาอุปทานส่วนเกินก่อนหน้า








Advertisement

บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน