นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 1,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.7% มีกำไรสุทธิ 1,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160.4% โดยส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากการขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนิเซีย

โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Nam San 3A” และ “Nam San 3B” เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่ตกมากขึ้นจากพายุฤดูร้อนในระหว่างไตรมาส รวมถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิบะ ในประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) กำลังการผลิตตามสัญญา 20 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2564 และส่วนแบ่งกำไร จากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น

“บริษัทคาดว่าไตรมาส 2/2565 น่าจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะได้มีการทยอยเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 45 เมกะวัตต์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังก้าวเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ จะช่วยทำให้มีปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตทั้งหมด 1,108 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว 345 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนา 764 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมดภายในปี 2568”

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ากำไรก่อนจะหักภาษีดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเติบโตประมาณ 25-35% จากปีก่อน เนื่องจากคาดว่าจะมีการรับรู้ EBITDA จากพอร์ตการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาอย่างโดดเด่น ประกอบกับปีนี้มีแผนที่จะลงทุนซื้อกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติม คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน