สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 6 มิ.ย. 2565 ดัชนีปิดตลาดที่ 1,646.08 จุด -1.59 จุด มูลค่า 58,372.21 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ โดยช่วงเช้าปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ภายหลังกระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยประจำเดือนพ.ค. ออกมาสูงถึง 7.1% ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย

แต่หลังจากนั้นดัชนีในช่วงบ่ายฟื้นตัวขึ้น จากการที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากกรุงปักกิ่งเตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรัฐบาลจีนเตรียมมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา

ส่งผลให้ตลาดหุ้นตอบรับบวกมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดได้ตอบรับความกังวลไปมากแล้ว ทำให้นักลงทุนปรับพอร์ตโดยถือเงินสดเพิ่มขึ้น ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ตลาดไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามา ทำให้นักลงทุนทยอยกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง ส่งผลในระยะสั้นมีโอกาสที่นักลงทุนจะประเมินว่าสถานการณ์ดีขึ้น และหากสถานการณ์เงินเฟ้อฟื้นตัวดีขึ้น มีโอกาสที่นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ในช่วงต่อไปจะไม่ตรึงตัวมาก อย่างที่หลายๆ ฝ่ายมีความกังวลกัน

โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,878.26 ล้านบาท +0.30 บาท (+2.38%)
2. KTB มูลค่าการซื้อขาย 2,262.68 ล้านบาท +0.70 บาท (+4.67%)
3. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,461.82 ล้านบาท +2.00 บาท (+1.20%)
4. PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,453.95 ล้านบาท +0.25 บาท (+0.66%)
5. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,356.80 ล้านบาท -1.00 บาท (-0.68%)

ขณะเดียวกันในส่วนของปัจจัยวิกฤตการณ์ด้านอาหารโลก โดยรวมน่าจะเป็นบวกต่อบริษัทจดทะเบียนไทย เนื่องจากมีหลายบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มอาหาร ประกอบกับก่อนหน้านี้ต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ แต่เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ด้านอาหาร ทำให้ราคาเริ่มปรับขึ้นได้ จะมีผลต่อผลประกอบการโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนให้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.) คาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เพื่อรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 มิ.ย. โดยให้แนวรับ 1,640 จุด และ แนวต้าน 1,650 จุด


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน