สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 8 ส.ค. 2565 ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,608.87 จุด +7.78 จุด (+0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 63,266.08 ล้านบาท

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ บรรยากาศซื้อขายช่วงเช้า ได้รับแรงกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยความกังวลของนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นแรง หลังสหรัฐอเมริกามีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนก.ค. ปรับสูงขึ้นเกินคาด รวมถึงการซ้อมรบของจีน

แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศที่มีประเด็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2 คาดว่าจะดีขึ้น รวมถึงในวันที่ 15 ส.ค.นี้ จะมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3-4% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.2%

ขณะที่คาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สำหรับการประชุมในวันที่ 10 ส.ค. ที่จะถึงนี้ ตลอดจนมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ต่อเนื่อง ทำให้การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วงภาคบ่ายมีแรงซื้อกลับเข้ามาทำให้ดัชนีกลับมาปิดในแดนบวกได้

โดยหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ
1. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,231.58 ล้านบาท +2.50 บาท (+1.70%)
2. PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,903.21 ล้านบาท +1.00 บาท (+2.82%)
3. DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,670.39 ล้านบาท -34.00 บาท (-6.30%)
4. PTTEP มูลค่า 2,147.78 ล้านบาท +3.00 บาท (+1.99%)
5. SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,117.66 ล้านบาท +3.50 บาท (+3.38%)

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน โดยให้น้ำหนักไปที่หุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และกนง. ของไทย อย่างกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนหุ้นแนะนำ KBANK BBL SCB ส่วนหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกจากความขัดแย้งของจีนกับไต้หวัน โดยมีโอกาสที่อุตสาหกรรมไต้หวันจะมีการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาประเทศไทย เช่น นิคมอุตสาหกรรม หุ้นแนะนำ WHA

ขณะที่กรอบความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ให้กรอบดัชนีที่ 1,620 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,630 จุด ส่วนแนวรับที่บริเวณ 1,597 จุด และ 1,580 จุด


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน