‘ศรีสุวรรณ’ ร้องยุบ ไทยรักษาชาติ ปมดึงสถาบันฯโยงการเมือง แนะ กกต. เร่งส่งศาลวินิจฉัยในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ผลวินิจฉัยก่อนวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ จี้ “ปรีชาพล” พ่วง กก.บห.แสดงสปิริตลาออก

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง กรณีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โดยขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการกระทำของ ไทยรักษาชาติ ขัดต่อระเบียบกฎหมายหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เนื่องจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของ ไทยรักษาชาติ ถือเป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม และเมื่อมีพระราชโองการเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงถือว่ามีความชัดเจนว่า ไทยรักษาชาติกระทำการโดยไม่เหมาะสมและไม่บังควร ขัดต่อพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ซึ่งเป็นข้อห้ามตามระเบียบหาเสียงเลือกตั้ง จึงเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 ( 2 ) ชัดเจน ทางสมาคมฯเห็นควรให้กกต. ต้องดำเนินการให้ได้ข้อยุติและเป็นบรรทัดฐาน อีกทั้งต้องดำเนินการให้ได้ข้อยุติอย่างหนึ่งอย่างใดโดยเร็ว ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้

เกาะติดข่าวการเมืองข่าวเลือกตั้ง แค่กดเป็นเพื่อนกับไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า เลขาธิการกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ต้องเร่งรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอให้คณะกรรมการกกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อไป หาก กกต.ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายในสัปดาห์นี้แล้วส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันที การวินิจฉัยก็จะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทันก่อนการเลือกตั้งแน่นอน

“แต่หาก กกต. ดำเนินการชักช้าหรือปล่อยให้เป็นไปตามปกติ ทษช.ยังมีสิทธิหาเสียงและเข้าสู่การเลือกตั้ง ความวุ่นวายทางการเมืองจะหวนกลับมา หากผลคำวินิจฉัยของศาลออกมาหลังการเลือกตั้งส.ส.จะต้องวิ่งไปหาพรรคสังกัดใหม่ให้ได้ภายใน 30 วัน ในช่วงนี้ถือว่า คสช.ก็จะมีอำนาจบริหารประเทศต่อไปอีก ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการบริหารประเทศ” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวยืนยันว่า ตนมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องให้กกต.วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ เพราะตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และถือเป็นผู้เสียหายหากต้องเลือกพรรคไทยรักษาชาติ โดยบทกำหนดโทษสำหรับไทยรักษาชาติมีเพียงการยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 10 ปี แต่ไม่มีโทษทางอาญา

“แม้ไทยรักษาชาติจะประกาศว่าไม่ได้ดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อมีพระราชโองการแล้ว หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการออกแถลงการณ์น้อมรับพระราชโองการ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง หลายคนอาจไม่พอใจเพราะเป็นการดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารของพรรคไทยรักษาชาติควรแสดงสปิริตด้วยการลาออก” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงของไทยรักษาชาติจะถูกตำหนิติเตียนต่อไป แต่ถ้ายอมแสดงสปิริตก็จะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของไทยรักษาชาติให้กลับคืนมาได้ ทั้งนี้ กรณีสถาบันฯนั้นไม่เคยถูกนำมาใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง ประชาธิปไตย ตลอด 80 ปีที่ผ่านมาไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ในหมวดพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีของไทยก็ยึดถือให้สถาบันฯเป็นที่เคารพเทิดทูน แต่ยุคนี้กล้าหาญชาญชัย โดยเห็นว่าพระราชโองการได้อรรถาธิบายไว้ได้ชัดเจนแล้ว

เมื่อถามถึงการขยายผลเอาผิดไปยังบุคคลภายนอกพรรค ทษช. นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สำหรับมือที่มองไม่เห็นเราสามารถวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสัมพันธ์ได้ แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถยึดโยงได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน