ธนาธร ยกระดับการเมืองไทย ยึดมาตรฐานโลก เซ็นโยกทรัพย์สิน 5 พันล. เข้ากองทุน blind trust เดือนพ.ค.นี้ บริหาร-ตัดสินใจเองไม่ได้ เพราะมองไม่เห็น รอรับคืนหลังพ้นตำแหน่ง 3 ปี เผย “สมพร” เทหุ้น “มติชน” ทิ้งเร็วๆ นี้ เคลียร์ทุกข้อครหาก่อนเข้าสู่อำนาจ

วันที่ 18 มี.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวกรณีการจัดการทรัพย์สินของตนเอง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำทางกฎหมาย และสร้างมาตรฐานจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใหม่ให้ปร่งใสมากขึ้น โดยจะนำทรัพย์สินไปให้บริษัทจัดการทรัพย์สิน คือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด

นายธนาธรกล่าวว่า การที่นักธุรกิจเข้ามาทำงานการเมือง ไม่ใช่เรื่องใหม่ และในต่างประเทศมีการสร้างมาตรฐานเพื่อให้สาธารณชนไว้วางใจอย่างชัดเจน รูปแบบที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดคือรูปแบบของ blind trust หรือการโอนทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดเข้าไปอยู่ในกองทุน ให้บุคคลที่สามเป็นผู้ดูแล และทำให้ blind คือหมายความว่าเจ้าของทรัพย์สินจะมองไม่เห็น และอำนาจในการบริหารทรัพย์สินอยู่ที่ผู้รับมอบอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

นายธนาธรระบุต่อไปว่า แม้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบันระบุให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการถือหุ้นบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ และรัฐมนตรีต้องโอนทรัพย์สินไปให้บริษัทจัดการทรัพย์สินเป็นผู้ดูแล แต่ไม่ได้ระบุให้ต้องทำให้เป็น blind

ทั้งนี้ ในต่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยส่วนใหญ่ นักการเมืองจะนำทรัพย์สินของตนเองเข้าไปอยู่ใน blind trust เป็นมาตรฐานทางศีลธรรมที่ไม่มีการบังคับ นี่คือรูปแบบการจัดการทรัพย์สินที่จะลบข้อครหาทางสังคมได้ ทั้งนี้ ในประเทศไทยไม่มีกฎหมายรองรับ blind trust จึงทำเป็น blind trust ในลักษณะเดียวกันไม่ได้ แต่สิ่งที่ตนกำลังจะทำร่วมกับภัทร เป็นนวัตกรรมใหม่ เป็นการทำให้ blind ด้วยความสมัครใจโดยไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับ

“ผมอยากสร้างมาตรฐานการทำการเมืองใหม่ ข้อดีอันดับแรก คือ ไม่ต้องวอกแวกไปกับการจัดการทรัพย์สินของตัวเอง ทำให้เราทุ่มเทพลกำลังและเวลาไปในการทุ่มเททำงานรับใช้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ประการที่สอง แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ผลักดันให้พวกเรามาทำงานการเมือง เพื่อทำให้สังคมดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แม้จะมีขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดให้เราทำ แต่สิ่งที่เราจะทำให้มากกว่านั้นคือสร้างมาตรฐานใหม่ ยกระดับความโปร่งใส มาตรฐานการดูแลผลประโยชน์ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ไปไกลกว่ากฎหมาย” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรยังระบุถึงบางส่วนของเงื่อนไขที่อยู่ใน MOU ระหว่างตนกับภัทร คือจะต้องไม่ซื้อหุ้นไทยทุกตัว ถ้าจะลงในหุ้น ต้องลงทุนในหุ้นต่างประเทศอย่างเดียว เพื่อจำกัดข้อครหาทุกกรณี ว่านโยบายที่ออกไปนั้นเอื้อต่อผลประโยชน์ส่วนตน นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขว่า การได้กรรมสิทธิ์บริหารจัดการทรัพย์สินกลับมาเป็นของตัวเอง ต้องผ่านไปแล้ว 3 ปีหลังจากพ้นตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น

ส่วนสาเหตุทึ่เลือกบริษัทภัทรมาเป็นผู้บริหารจัดการกองทุน เพราะที่ผ่านมาตนกับภัทรไม่เคยมีธุรกิจร่วมกัน มีความเป็นมืออาชีพ ได้รับการยอมรับว่าเป็นแถวหน้าของวงการการเงินในประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าภัทรจะไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งใดๆ เมื่อตนมีอำนาจ

นายธนาธรยังประกาศถึงกรณีนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทมติชนออกไปในระยะเวลาอันใกล้นี้ พร้อมระบุว่าก่อนหน้านี้ ตนไม่เคยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อหุ้นมติชนของครอบครัว เพียงถูกส่งไปนั่งทำงานเป็นกรรมการบริหารเพียงอย่างเดียว โดยทำหน้าที่อย่างสุจริตมาตลอด

และหลังจากตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งทางธุรกิจมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจก็ไม่เคยส่งใครไปนั่งบริหารแทนตนเลยตั้งแต่นั้นมา และที่ผ่านมาก็ไม่เคยแทรกแซงหรือสั่งการใดๆ แต่เพื่อความโปร่งใสและสบายใจของสังคม นางสมพรเตรียมที่จะขายหุ้นออกไปในเร็วๆ นี้

ส่วนข้อครหาว่าการทำงานการเมืองของตน จะมีผลประโยชน์กับบริษัทไทยซัมมิทหรือไม่ นายธนาธร กล่าวยืนยันว่า รายได้เกือบทั้งหมดของไทยซัมมิทมาจากคู่ค้าระดับนานาชาติทั้งหมด แทบไม่มีหน่วยงานรัฐเลย และที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยเป็นคู่สัมปทานกับรัฐ ไม่เคยมีแนวคิดที่จะทำธุรกิจกับรัฐ และเชื่อว่าแนวคิดนี้จะดำรงอยู่ต่อไป แต่หากในอนาคตบริษัทไทยซัมมิทจะทำโครงการร่วมกับรัฐ ตนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาใดๆทั้ งสิ้น และขอให้สาธารณะร่วมกันตรวจสอบอย่างเข้มข้นด้วย

“นักธุรกิจที่เข้ามาทำงานการเมืองไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดเสมอไป ว่าจะต้องมากอบโกยหาผลประโยชน์ เราต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ สิ่งที่ผมกำลังจะทำกับภัทร จะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไกลเกินกว่าใครๆ และไกลเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวว่า ตอนนี้ตนยังตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 5,000 ล้านบาท โดยต้องทำให้เกิดความโปร่งใส ส่วนสิ่งใดที่ทำให้เกิดความสงสัยจะพยายามขายทิ้ง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าว นายธนาธรได้ลงลงนามเอกสาร MOU ซึ่งจัดทำและลงนามร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคล กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด

สำหรับหลักการที่นายธนาธร ทำร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน คือ นายธนาธรจะโอนสิทธิการบริหารจัดการทรัพย์สินของตนเองไปให้บริษัทจัดการแทน ซึ่งมีเงื่อนไขว่า

  • 1.นายธนาธร จะไม่สามารถกระทำการใดๆ ที่มีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหาร ครอบงำ หรือออกคำสั่งเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินทั้งหมดของตนเองได้
  • 2.เพื่อป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน บริษัทต้องไม่เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดให้นายธนาธร หรือบุคคลอื่นใดรับทราบถึงรายละเอียดการบริหารจัดการทรัพย์สินทั้งหมด
  • 3.บริษัทต้องไม่เข้าไปลงทุน เป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่เป็นคู่ค้ากับรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานรัฐใดๆ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน