คนอยากเลือกตั้งเดือด! รณรงค์เปิดไฟไล่ กกต. ปะทะเจ้าหน้าที่ชุลมุน ถูกปรับผิดกฎจราจร

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 มี.ค. ที่แมคโดนัลด์ ราชประสงค์ นายอนุรักษ์ เจตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง นัดรวมตัวกลุ่ม ประชาชนอยากเลือกตั้ง เพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง ภายใต้ชื่อ “ชนะเลือกตั้งประวัติศาสตร์ แถลงการณ์ประชาชน” เพื่อจุดประทัดไล่เผด็จการ ลงชื่อถอดถอน กกต. ร้องรำทำเพลง แจกสติ๊กเกอร์ พร้อมรณรงค์เปิดไฟหน้ารถไล่ กกต. และถือป้ายเขียนข้อความต่างๆ โดยมีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้าร่วมด้วย

อย่างไรก็ตามเนื่องจากพื้นที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เป็นพื้นที่เอกชนจึงมีตัวแทนห้างฯ ออกมาแจ้งว่าไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อลูกค้า และนักท่องเที่ยว นายอนุรักษ์จึงได้ร้องขอในฐานะคนไทยด้วยกัน ขอที่จะใช้พื้นที่ไม่มากนักเพื่อตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ ระบุใช้เวลาไม่นาน ไม่ยืดเยื้อ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ลุมพินีเข้าฟังในการเจรจาดังกล่าวด้วย แต่สุดท้ายภาคเอกชนยืนยันไม่ให้ใช้พื้นที่หน้าห้างฯ ทางกลุ่มจึงใช้พื้นที่บริเวณทางเท้าริมถนนพระราม 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรุงเทพมหานครเพื่อตั้งโต๊ะล่ารายชื่อขับไล่ กกต. ทั้งนี้ นายอนุรักษ์ เปิดเผยว่าในวันเดียวกันนี้จะไม่มีการจุดประทัด ตามที่ได้ประสานงานไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน. ลุมพินีแล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทางผู้ทำกิจกรรม ได้นำเครื่องเสียงมาใช้ประกาศ เชิญชวนประชาชนให้มาร่วมกันลงชื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งนายอนุรักษ์ว่า หากใช้เครื่องเสียงถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งนายอนุรักษ์ยืนยันว่า ยอมให้ตำรวจจับกุม แต่ขอให้ทำกิจกรรมให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จึงเกิดการประทะคารมกันขึ้น อย่างไรก็ตามมีประชาชนที่เดินผ่านไปมา บางคนถึงกับเกิดความไม่พอใจแล้วเดินเข้ามาด่ากลุ่มที่กำลังทำกิจกรรมด้วยคำหยาบคาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกันให้เดินออกไป จึงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

  • กลุ่มผู้ชุมนุมอ่านแถลงการณ์ 8 ข้อ

กระทั่งเวลา 16.00 น. นายอนุรักษ์ได้อ่านแถลงการณ์ คำประกาศชัยชนะของประชาชน โดยระบุว่า ในฐานะกลุ่มกิจกรรมภาคประชาชน ที่รณรงค์การเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง กลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้งในฐานะตัวแทนของประชาชน ขอประกาศแถลงการณ์ 8 ข้อดังนี้ 1.การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็นการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยการทุจริต ใช้กลโกงทุกอย่างเพื่อให้พรรคการเมืองที่สนับสนุนเผด็จการทหาร หรือพรรคพลังประชารัฐชนะทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อเสียงการพิมพ์บัตรการนับคะแนนที่ไม่โปร่งใส ถือเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองไทย ไม่ต่างไปจากการเลือกตั้งเมื่อพ.ศ. 2500 สมัยของจอมพลป.พิบูลสงคราม

2.พรรคการเมืองที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง คือพรรคเพื่อไทยที่รวมเสียงได้ 138 เสียง ถือเป็นชัยชนะที่ขาดลอย 3.การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนได้ตัดสินแล้วว่าต้องการพรรคการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยมากกว่าดูได้จากการรวบรวมเสียงได้มาถึง 254 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย4.คณะกรรมการการเลือกตั้งพยายามสร้างความสับสนให้กับประชาชน ว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง โดยอ้างอิงคะแนนเสียงความนิยมของพรรคการเมืองที่ได้สูงมากผิดปกติ 5.กลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้งขอประกาศ หลักการคำนวนว่าพรรคการเมืองใดชนะเลือกตั้ง ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งจะยึดจำนวนจากเสียงส.ส. ที่ได้รับเลือก ไม่ใช่จากคะแนนนิยมของพรรค

6.พรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล จึงขอให้พรรคพลังประชารัฐยุติการเคลื่อนไหวปล่อยข่าวว่าตัวเองชนะเลือกตั้ง และหยุดความพยายาม แข่งขันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพราะนั่นคือการสร้างความสับสนให้กับคนไทย เป็นการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่ยอมรับในหลักการประชาธิปไตย ถือเป็นสิ่งที่น่าละอาย พรรคการเมืองเช่นนี้ไม่มีความเหมาะสมที่จะเข้าไปนั่งทำงานในรัฐสภา ไม่ว่าจะในฐานะรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

7. พรรคเพื่อไทยต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากแคนดิเดตของพรรคทั้ง 3 คนเท่านั้น ไม่ยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ควรเป็นของพรรคเพื่อไทยให้กับพรรคอื่น พรรคเพื่อไทยต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนที่ต้องการได้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย 8.นับจากวันที่ประชาชนประกาศชัยชนะนี้แล้วทหารทุกคนต้องเลิกแต่งเครื่องแบบ ออกมาข่มขู่คุกคามนักศึกษา ประชาชน ต้องไม่ห้ามการแสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง เพราะนั่นคือสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ได้กลับคืนมาแล้วในวันที่ประกาศการเลือกตั้ง

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

  • เจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกลุ่มผู้ชุมนุม

นายอนุรักษ์ กล่าวภายหลังอ่านแถลงการณ์ว่า ถ้ามั่นใจว่า 8 ล้านเสียงจากการเลือกตั้งนั้นเป็นเสียงที่บริสุทธิ์ ขอให้พล.อ.ประยุทธ์งัดมาตรา 44 เปิดทำประชามติกันใหม่เพื่อถามประชาชนว่า พรรคเพื่อไทย หรือ พรรคพลังประชารัฐ เหมาะที่จะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งเวลา 16.50 น. นายอนุรักษ์ และกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้พยายามเดินเท้าไปบนถนนพระราม 1 เพื่อเดินไปยังป้ายสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการเมือง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบของ สน.ลุมพินีขัดขวาง พร้อมกับแจ้งว่า การกระทำการดังกล่าวขัดพ.ร.บ.การชุมนุม และ พ.ร.บ.การจราจร เนื่องจากกีดขวางการจราจร จึงทำให้เกิดการยื้อยุด ฉุดกระชาก และชุลมุนเล็กน้อย บนถนนพระราม 1 ทำให้เจ้าของรถยนต์ที่ติดอยู่บนถนน พร้อมใจกันบีบแตรดังสนั่น กระทั่งเจ้าหน้าที่นำตัวนายอนุรักษ์และแกนนำการชุมนุมบางส่วนกลับขึ้นมาเจรจากันบนทางเท้าโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อรองว่าหากจะให้อนุญาตใช้ลำโพงได้ ก็ต้องใช้เพียงแค่กล่าวประกาศจุดยืนของกลุ่มเพียงเท่านั้น แต่ห้ามกล่าววิจารณ์ รัฐบาล คสช. และ สถาบัน จากนั้นเวลา 17.35 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำลำโพงกลับมาคืนให้นายอนุรักษ์ จึงลงนามในเอกสารทำความตกลงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประกาศว่าจะทำกิจกรรมล่ารายชื่อขับไล่กกต.อยู่บนพื้นที่ทางเท้าเท่านั้น จะไม่ลงไปพื้นผิวจราจรเพื่อให้เกิดการกีดขวางจราจร และจะทำกิจกรรมถึงเวลา 20.00 น.เท่านั้น

  • เปรียบเทียบปรับทำผิดกฎหมายจราจร

ด้านพ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ลุมพินี ในฐานะผบ.เหตุการณ์ กล่าวว่า ในการควบคุมดูแลความสงบของการทำกิจกรรมทางการเมืองในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีจำนวน 80 นาย จาก สน. ลุมพินีและกองร้อยควบคุมฝูงชน บชน.5 อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ส่วนที่มีการเกิดชุลมุนบ้าง เมื่อผู้ชุมนุมได้ล้ำลงไปในบริเวณช่องทางจราจร เจ้าหน้าที่จึงต้องเชิญตัวขึ้นมาเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ ทั้งนี้ การทำกิจกรรมในวันเดียวกันนี้มีความผิดเบื้องต้น 2 กรณี คือกีดขวางการจราจร ผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ซึ่งมีโทษเปรียบเทียบปรับ 1,000 บาท และความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงในการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเสียงและเครื่องขยายเสียง ซึ่งมีโทษเปรียบเทียบปรับ 200 บาท โดยการดำเนินคดีในสองความผิดดังกล่าวนั้นจะนำตัวแกนนำไปเปรียบเทียบปรับที่ สน.ลุมพินี ภายหลังจากที่ทางกลุ่มได้เสร็จสิ้นการชุมนุมแล้ว


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน