เพื่อไทย กางปฏิทินปราศรัย ปักหมุดทิ้งทวนในกทม. 12 พ.ค. “อิ๊งค์” ร่วมด้วย เต้น แซะ ตู่ ขายของเก่า เชื่อคนอยากจบลุงตู่แล้ว แนะเพื่อนมิตรเคารพเรื่องแก้รธน.

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงถึงการลงพื้นที่ปราศรัยใน จ.น่าน และลำปาง ระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย. ว่า จ.น่าน และลำปาง จะเป็นครั้งแรกที่ทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ไปปราศรัยในภูมิภาค หลังมีการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่จะร่วมปราศรัยผ่านระบบออนไลน์

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ตน และผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละจังหวัด

การประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยครบ 3 คน รวมถึงการประกาศตัวเลขในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เกิดการตื่นตัวที่จะสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปผลักดันนโยบายให้เป็นจริง

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เริ่มจากวันที่ 8 เม.ย. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน ในเวลา 15.00 น. จากนั้นจะไปสมทบคาราวานรถแห่ของผู้สมัครใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เดินทางไปในทุกจังหวัด โดยมีพิธีเปิดกิจกรรมรถแห่ “กึ๊ดใหญ่ทำเป็น” 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ วัดพระธาตุแช่แห้งในเวลา 15.30 น.

จากนั้นจะเริ่มกิจกรรมรถแห่รอบเมือง ผ่านตลาดเทวราช ชุมชน ย่านธุรกิจ ไปหยุดปราศรัยบนรถแห่หน้าวัดภูมินทร์ (ถนนคนเดิน) ก่อนที่ในเวลา 18.00 น. จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน อ.เมือง จากนั้นไปถนนคนเดินเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย

ในวันที่ 9 เม.ย. เวลา 07.30 น. ออกเดินทางไปยัง อ.วังชิ้น จ.แพร่ เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และชาวนาในพื้นที่ จากนั้นเวลา 13.00 น. จะเดินทางไปพบปะประชาชนใน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และในเวลา 16.30 น. จะมีการร่วมขบวนปราศรัยบนรถแห่ ณ ห้าแยกหอนาฬิกา อ.เมือง จ.ลำปาง ส่วนในเวลา 18.00 น.จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ตลาดนัดคลองถมห้างฉัตร อ.เมือง จ.ลำปาง

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า จากนี้ทีมปราศรัยของพรรคเพื่อไทย ทั้งเวทีใหญ่ เวทีระดับเขต เวทีย่อย ปูพรมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเวทีใหญ่ที่มีแคนดิเดตนายกฯ เข้าร่วมด้วยได้วางคิวถึงสิ้นเดือน เม.ย. แล้ว ส่วนในเดือน พ.ค. จะมีการปราศรัยในทุกวันทุกภูมิภาค เพื่อเน้นย้ำนโยบายและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

ส่วนเวทีปราศรัยปิดท้าย คือ วันที่ 12 พ.ค. โดยเวทีนี้จะมีแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนปรากฏตัวบนเวทีร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าเวลานั้น น.ส.แพทองธาร จะผ่านการคลอดบุตร และพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวยืนยันที่จะเข้าร่วมเวทีนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ในช่วงนี้มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยว่า ทำได้จริงหรือไม่ ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจับมือกับใคร และมีสัญญาณทำให้การเลือกตั้งสะดุดหรือไม่ ตอนนี้ตนคิดว่าคำตอบใน 2 ประเด็นแรกชัดเจนแล้ว ส่วนสถานการณ์พิเศษนั้น ตนไม่เชื่อว่าจะมีการหยุดยั้งขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชน

“ส่วนนโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำเสนอ อาจเป็นการพยายามเอาของเก่ามาขาย เพราะนโยบายขายไม่ได้ จึงพยายามให้คนนึกถึงความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ประชาชนต้องการจบลุงตู่มากกว่า ขอให้อำนาจนอกระบบยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ถอยพ้นไปจากวิถีทางในระบบรัฐสภา” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับการประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนก็สามารถใช้วิจารณญาณได้ แต่ท่วงทำนองขอให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ได้ร่วมงาน ร่วมแนวทางประชาธิปไตยด้วยกันมา เพื่อทำให้การทำงานภาพรวมในสนามเลือกตั้งสวยงาม การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่นำเสนอโดยนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย และเป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยมาตลอดที่ต้องแก้เต็มคาราเบล

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ต้องให้ประชาชนเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มีกระบวนการทำประชามติทั้งก่อนและหลังการยกร่าง ส่วนเนื้อหาสาระต้องเป็นวาระของ ส.ส.ร.ด้วย พรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอแนวทางประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่ใช่การไปแทรกแซงกดดัน การเห็นด้วยหรือไม่ต้องเคารพต่อความเห็นของ ส.ส.ร. ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองคงไม่มีใครมีมาตรวัดว่าใครทำอะไรมามากกว่าใคร เราเคารพทั้งความเหมือนและความต่างของเพื่อนร่วมทางจะดีกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน