วันที่ 4 พ.ค. ที่ ช่อง 3 หนองแขม แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ นางเอกชื่อดัง ให้สัมภาษณ์หลังมาร่วมบวงสรวงละครเรื่อง “รักจังเอย” ถึงเรื่องที่มีคนออกมาแฉสินค้าบอสดารา โกยเงินแล้วเทตัวแทน หลอกเงินมาลงทุนไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่ ทำให้คนพุ่งเป้ามาที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีบุคคลในวงการบันเทิง ได้แก่ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, ดีเจมะตูม-เตชินท์ พลอยเพชร และ ดีเจต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ร่วมกันเป็นหุ้นส่วน
โดย แต้ว เผยว่า “แต้วว่ามันน่าจะเป็นกระแสต่อมาจากแบรนด์ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ทำให้แบรนด์ที่เป็นออนไลน์ทั้งหลายโดนกระทบไปหมด รวมถึงแบรนด์ของเราด้วยมันก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งก็ดีที่ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ ผู้บริโภค ออกมาตั้งคำถาม มันจะได้เป็นโอกาสให้เราออกมา ชี้แจงให้มันเคลียร์กัน ถาทว่าหนักใจมั้ย ไม่หนักใจนะคะ ด้วยการที่เรามาทำตรงนี้แล้วก็ได้ตรวจสอบความมั่นใจไม่ว่าจะเรื่องของผลิตภัณฑ์ ความปลอดภัย และเรื่องของรูปแบบ การทำธุรกิจ อย่างค่อนข้างถี่ถ้วนแล้ว เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่น่ากังวล”

ล่าสุดมีคนออกมาแฉผลิตภัณฑ์หนึ่งว่ามีดาราเป็นบอสแล้วเทลูกทีม คนพุ่งเป้าเป็นแบรนด์เรา
“เท่าที่เราได้ดูข่าวมันก็เหมือนมีรูปภาพและคำพูดที่ชี้นำมาทางเรา แต่ด้วยทางปฏิบัติเท่าที่เราทราบมาตลอดคือไม่มีการทำอย่างนั้นแน่นอน เรามีการวางแผนการตลาดมาหลายรูปแบบ แล้วเราไม่ได้ทิ้งตรงนี้ เรามองว่ามันเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่รู้จะทิ้งทำไม”

ด้วยความที่เราเป็นนางเอกชื่อดังตรงนี้มันจะส่งผลถึงความน่าเชื่อถือไหม
“ไม่นะ แต้วมองว่ามันเป็นธุรกิจอนาคตในเรื่องของการทำออนไลน์ แล้วในเมื่อมันไม่เคยเกิดขึ้นแบบเป็นทางการมาก่อน มันก็จะมีการตรวจสอบ ตั้งคำถามและทำให้มันถูกต้อง หลังจากมีข่าวก็ยังไม่มีลูกทีมมาสอบถามนะคะ เพราะทุกคนก็อยู่ในส่วนของการทำงานร่วมกันกับทางบริษัท เขารู้ว่าอะไรเป็นความจริงแค่ไหน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีใครมาเคลมเพื่อที่จะเรียกร้องอะไรเลย ทุกอย่างก็รันไปตามปกติ”

กลัวว่าจะเป็นการถูกดิสเครดิตจากคู่แข่งหรือเปล่า
“ในธุรกิจทุกอย่างมันมีการแข่งขันอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ ตัวเรามีหน้าที่แค่เรียนรู้ แก้ไข และทำให้มันถูกต้องแค่นั้นเองค่ะ”

หลายคนมองว่าด้วยความเป็นนางเอกที่มีชื่อเสียง พอมาทำธุรกิจแบบนี้จะเป็นการเสี่ยงไปหรือเปล่า
“มันเหมือนเป็นการตัดสินใจของเราด้วย ต้องแยกกันให้ชัดเจนว่าหน้าที่นักแสดงตรงนี้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ส่วนตรงนั้นเป็นธุรกิจที่เราเลือกที่จะไปทำ ฉะนั้นอย่าเอามาเกี่ยวข้องกัน ส่วนเรื่องที่ดีเจมะตูมออกมาขอโทษทุกคนที่ชวนมาทำธุรกิจ แล้วดันมีข่าวต่างๆ อาจทำให้เสียชื่อเสียงนั้น เขาก็ห่วงใยในฐานะที่เป็นพาร์ตเนอร์ เขาชวนมาด้วยความหวังดี อยากให้ทุกอย่างมันไปในแง่ดีไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเองหรือว่าชื่อเสียงของเรา เพราะถ้าเกิดมันประสบความสำเร็จก็ดีด้วยกันทั้งหมด แต้วก็ต้องขอบคุณที่เขาออกมาขอโทษ แต่ว่าจริงๆ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ คือเราเหมือนเป็นพาร์ตเนอร์กันก็ต้องจับมือกันไป ดีก็ดีด้วยกัน มีปัญหาก็ต้องร่วมกันแก้ไข”

ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มพาร์ตเนอร์บ้างไหมว่าจะจัดการอย่างไร
“จริงๆ เรื่องนี้มันก็มีวิธีการจัดการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเตือน หรือว่าถ้ามันยังไม่จบก็อาจจะมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

ตอนนี้ตัวเองอยากที่จะเดินหน้าต่อหรืออยากเพลาๆ กับการทำธุรกิจแล้ว
“ยังเดินหน้านะคะ แต่ว่าก็ต้องดูทิศทางลมด้วย(หัวเราะ) ถ้าเกิดว่ามันยังเป็นกระแสที่โหมมากเราจะไปต้านกระแสสมอยู่ก็คงยาก การทำธุรกิจต้องรู้จักถอยและก้าวให้เป็นค่ะ ถามว่าคุณพ่อคุณแม่มีเป็นห่วงบ้างมั้ย เรียกว่าทุกการตัดสินใจของแต้วก็จะมาจากครอบครัวอยู่แล้ว เพราะแต้วก็ถือว่าใหม่กับประสบการณ์ในการทำธุรกิจนี้ด้วย คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้มีการเตือนอะไรเพราะทุกก้าวได้มีการปรึกษากันว่าควรไปในทิศทางไหน แต้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองมีที่ปรึกษาที่ดีค่ะ”

เห็นทางคุณแม่บอกว่ากับเรื่องที่เป็นข่าวอยู่นี้ถ้ามีหลักฐานจริงๆ อยากให้มาคุยกันมากกว่าไปโพสต์ลงโซเชียล
“ใช่ค่ะ การโพสต์มันก็เป็นแค่คำพูด ถ้ามีข้อติหรือมีอะไรที่อยากจะเคลม เราก็ยินดีอยู่แล้ว คือมันไม่ใช่เป็นแค่ข้อเสีย แต่มันจะทำให้เราก้าวไปสู่การปรับปรุงที่ดีขึ้น ถ้ามีหลักฐานแต้วว่าก็น่าจะเอาออกมาชี้แจงกัน ถามว่ากระแสข่าวที่ออกมามีผลกระทบกับยอดขายบ้างมั้ย เท่าที่ทราบก็ไม่นะคะ ธุรกิจของแต้วคือ Eighteen ดำเนินมา 5 เดือน เรียกว่าเป็นระยะเวลาที่น้อยมากกับการที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้ แต้วก็คิดว่ามันยังโตไปได้อีก ส่วนเรื่องของตัวแทนเขาเกาะกลุ่มกันมาจากผลิตภัณฑ์ตัวก่อนแล้วเพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างจะเหนียวแน่นค่ะ”

รูปจากไอจี taewaew_natapohn / dj_matoom

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน