หลังเปิดตัวคบหากันอย่างเป็นทางการ สำหรับคู่รัก วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา พีธีกรชื่อดัง กับแฟนหนุ่ม โอ๊ต-อัครพล จับจิตใจดล โดยทั้งคู่ควงกันมาร่วมงาน See The World Charity Event ที่ห้องบอลรูม ชั้น 8 โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก พร้อมเปิดใจครั้งแรกต่อหน้าสื่อมวลชนถึงความสัมพันธ์ที่คบหากันมา 7 ปี และพิธีการแต่งงานที่ผ่านมา ส่วนแพลนเรื่องลูกเล็งให้เพื่อนสนิท กาละแมร์-พัชรศรี อุ้มท้องให้ตน รวมถึงแจงเรื่องการจดทะเบียนสมรส

วู้ดดี้ “เดินลงมาแล้วพี่อึ้งว่างานอะไร มาถ่ายอะไรเยอะแยะ นึกว่างานชิลๆ งงมาก ไม่คิดว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ยินดีที่ได้เจอทุกคนครับ ไม่ได้มีการเทรนอะไรมาก่อน นี่คือสดๆ ซิงๆ เลย รับน้องกันได้เลยเชิญครับ(หัวเราะ)”
โอ๊ต “ตื่นเต้นครับ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดลิ้นพันกันไปหมดเลย เพราะไม่ค่อยได้เจอนักข่าว คือตั้งแต่เปิดตัวไปก็ดีครับ เดี๋ยวนี้ไปเดินตามที่สาธารณะ ก็สบายใจขึ้น ถือว่าโชคดี ที่มีการตอบที่ดีมาก มีแต่เรื่องในแง่ดี รู้สึกสบายใจขึ้น ตอนแรกกังวลนะ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว”
วู้ดดี้ “ดูสิเขาเหงื่อแตกเลย ส่วนผมรู้สึกเบามาก เพราะเรารู้สึกแบกอะไรมาตลอด ตอนที่เป็นข่าวครั้งแรก เราตกใจว่าจะตอบยังไงดี แต่คิดว่าการพูดเรื่องจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และมันก็เป็นผลดี ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็เบาสบาย ได้เจอเพื่อนๆ เข้ามากอด มาหอมมายินดีกับเรา มีแม่ๆ หลายคน เข้ามากอดแล้วบอกว่าแม่ดีใจจังเลย ที่สามารถคุยเปิดใจกับลูกของเขาได้อีกครั้ง เราก็รู้สึกดีใจกับเขาด้วย”

dscf0327

ก่อนหน้านี้เคยถามพี่วู้ดดี้ไปแล้วว่าแต่งงานใช้ชีวิตคู่เป็นอย่างไร แล้วทางพี่โอ๊ตรู้สึกอย่างไรบ้าง
โอ๊ต “คบกันมานานแล้ว ก็ดีครับมันเป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนาน พึ่งพากันได้ เหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทมากอีกคน คือ เขาเป็นคนน่ารักครับ เป็นคนที่ใส่ใจ ละเอียดอ่อนมาก”

หลายคนอยากทราบว่าขอแต่งงานกันยังไง
วู้ดดี้ “คนทั่วไปเขาขอกันแบบ แต่งงานกันนะ”
โอ๊ต “แต่ของเราเป็นหลังจากที่ทะเลาะกันหนหนึ่ง วู้ดดี้ก็บอกมาว่าไม่อยากทะเลาะกันแล้วนะ ไม่อยากจะมีคำว่าเลิกกัน เรามาทำอะไรที่มันมั่นคงต่อกันดีกว่า”
วู้ดดี้ “คือเราคบกันมา 7-8 ปี ทำไมทะเลาะกันบ่อย แล้วทะเลาะกันแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง เวลาทะเลาะกันก็จะชอบพูดว่าเลิกกัน ในแต่ละคนแต่ละคู่จะมีบทบาทต่างกัน แต่ในแบบของโอ๊ตทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่เราจะมีไม้ตายคือคำว่า เลิกและเราพูดมา 7 ปี ก็คิดในใจว่าทำไมใช้คำพูดที่แทงใจเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เราเห็นหน้าเขาวันนั้นเรารู้เลยว่า 7 ปีที่ผ่านมา มันทำให้เขาทรมานมาก และเราคิดว่าเราจะไม่มีน้ำบ่อหน้าแล้ว สมัยก่อนเราจะคิดเสมอว่าต้องมีน้ำบ่อหน้า แต่กับคนนี้ เราคิดว่าเราอยากจะอยู่กับเขาจนวันตาย เลยบอกเขาว่าแต่งงานกันเถอะ เขาก็ตกใจเลย

dscf0318

ครั้งนั้นทะเลาะกันแรงไหม
โอ๊ต “ช่วงนั้นก็ทะเลาะกันเรื่อยตามประสาคนสองคน มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ตอนนี้มีทะเลาะบ้างแต่น้อยลงมาก”
วู้ดดี้ “เราหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น ทุกครั้งที่มีปัญหา เราก็จะมองหน้ากัน แล้วบอกว่า เราแต่งงานกันแล้วนะ ซึ่งประโยคนี้มันทำให้ทุกอย่างเบาไปหมดเลย เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นความสุข”

พอเปลี่ยนเป็นชีวิตคู่แล้วดีขึ้นไหม
โอ๊ต “ดีขึ้นครับ เราไม่กังวลจะออกไปไหนอย่างไร แต่งงานกันแล้วทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เราสบายใจขึ้น”
วู้ดดี้ “มันรู้สึกว่า เวลาเราทุกข์ สุข เราจะนึกถึงเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ เราอยากมีเขาไปด้วย สมัยก่อนเราคิดว่าอยากอยู่กับแค่ตัวเองหรือครอบครัวอย่างเดียว แต่ตอนนี้เราอยากอยู่เพื่อเขาด้วย มันเป็นมากกว่าแค่เพื่อนแต่เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ แต่งงานกันไปสองปีที่ผ่านมา ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ แต่พอเป็นข่าวคนรู้กันแล้วกลับแปลก เราพูดกันว่าทำไมเหมือนเพิ่งแต่งงานกันนะ มันไม่ใช่แค่พิธีการและเพื่อนๆ รับรู้ แต่ตอนนี้ทั้งโลกเขารู้แล้ว ตอนนี้เขาจะไม่สามารถจะไปมีชู้ได้แล้วนะ ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาเขามีคนอื่น ซึ่งเราก็พูดกันเองว่า ต่อจากนี้เราไม่สามารถไปมองคนอื่นได้แล้ว”

แหวนแต่งงานตอนนี้ใส่กันทั้งคู่เลยไหม
วู้ดดี้ “(โชว์แหวน)เมื่อกี้ตอนแต่งตัวอยู่ด้านบน เราต้องใส่ชุดทักซิโด้ ใช่ไหมครับ อยู่ดีๆ เขาก็หยิบแหวนขึ้นมา เราก็ตกใจเอาด้วยเหรอ เขาบอกเอาสินานๆ ที จะได้ใส่ทักซิโด้ คือเราเก็บไว้ในตู้ไม่ได้เอามาด้วย แต่เขาหยิบมาให้ คือเขาเป็นคนใส่ใจรายละเอียดซึ่งบางทีเรามองข้ามไป”

หลังจากแต่งงานกันยังมีพูดคำว่าเลิกกันไหม
วู้ดดี้ “ไม่มีแล้ว อยากบอกกับทุกคนว่า เมื่อคุณตัดสินใจเลือกเขาแล้ว อย่าใช้คำว่าเลิกกันนะ หรือ แค่นี้นะ เพราะมันจะทำให้หมดพลังไปต่อ เพราะคุณอาจใช้มันโดยที่คุณไม่ตั้งใจ ซึ่งเราสองคนจะไม่ใช้คำพูดพวกนั้นอีก ตอนนี้ไม่มีในใจเลยคำนี้ เวลาทะเลาะกัน เราจะมองหน้ากันแล้วเราก็จะเลิกทะเลาะ เหมือนเป็นการบอกว่า เราต้องมีสติกันนิดนึง บางทีพออารมณ์มาปุ๊ปก็จะแยกย้ายคนละห้อง หรือ วางหู บางทีจะมีคำพูดเฉพาะสองคน เวลาที่เราเถียงกัน เราก็จะใช้คำคำนี้ออกมา จะทำให้เราเย็นลง”

แพลนอนาคตคือเราอยากมีลูกหรือมีทายาทไหม
วู้ดดี้ “สมัยก่อนไม่คิดเพราะอยากมีแค่หลาน ซึ่งก็มีแล้ว แต่วันนึงพี่เปิ้ล-นาคร มาพูดกับเราว่ามึงต้องมีลูก ในยุคนี้มันเป็นปกติแล้ว เราเลยถามเพื่อนๆ ว่าเขาทำกันยังไง เลยเป็นวาระในการคุยกันเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะใช้ไข่ใคร หรือฝากท้องใคร คุยกับทุกคนที่ผ่านการอุ้มบุญ หรือคนที่เคยฝากไข่ว่าสเปิร์มจะไปผสมกันได้มั้ย ถามว่าเคยคิดจะมีลูกมั้ยเคยคิดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะมีลูกกัน แต่ก็คุยกันว่าจะเป็นสเปิร์มใครดี สองสัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็เริ่มกลับมาคิดและหาข้อมูลกัน คือ ตอนนี้มันมีให้เลือกหลายวิธี”

s__6029409

s__6029411

เลือกได้หรือยังจะใช้สเปิร์มของใคร
วู้ดดี้ “กาละแมร์บอกว่าเหมือนเราอาจจะฝากได้สองสเปิร์มเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไข่ฟองไหน คือ เราไม่รู้เรื่องอวัยวะของผู้หญิงเลยว่าทำงานอย่างไร เราเลยเลือกทั้งสองอัน แล้วก็ไม่ต้องไปรู้ว่าที่จะติดเป็นของใคร แต่เรื่องมีลูกเราแพลนกันไว้สำหรับอนาคตใกล้ๆ แต่คงไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่ผมอยากได้ลูกชายคนนึง ลูกสาวคนนึง”

s__6029412

เลือกผู้หญิงที่จะอุ้มท้องให้ได้หรือยัง
วู้ดดี้ “ก็คุยขำๆ บอกแมร์อุ้มให้แล้วกัน ผมเล็งกาละแมร์ไว้คนนึง เพราะกาละแมร์ไม่มีผัวแน่นอน คือ ลูกของวู้ดดี้กับโอ๊ต และไข่ของใครสักคนแต่ไม่เอาไข่แมร์แน่นอนครับ(หัวเราะ) แต่เอาท้องแมร์เพราะเขาออกกำลังกายดูแลสุขภาพ ก็บอกทางนี้เลยครับ ฝากบอกแมร์ผ่านทางนี้เลย กาละแมร์เราเลือกแล้วนะ เราจะเอาท้องแกนะ เป็นคนใกล้ตัวที่เราคิดว่าสุขภาพฟิตสุด ส่วนเขาจะยอมไหมเดี๋ยวเราคงต้องโน้มน้าวอีกที ถ้าไม่ใช่กาละแมร์ก็คงเป็นคนใกล้ชิดคนอื่นๆ แต่ตอนนี้มองไม่เห็นว่าเป็นใคร”

ได้ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการอุ้มบุญไหม
วู้ดดี้ “เราก็เห็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเรื่องแต่งงานหรือการมีลูก เรายังไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียด คิดว่าถ้าใจอยากมีเราก็มีได้ เพราะเป็นสิ่งที่สวยงาม”

เรื่องจดทะเบียนคือเราจะไปจดที่ต่างประเทศไหม
โอ๊ต “ยังไม่จดครับ เพราะเราเป็นคนไทยทั้งคู่ ถ้าไปจดต่างประเทศ ก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า หวังว่าเมืองไทยจะมาดูเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกัน เป็นเรื่องของสิทธิ์ในการดูแลกันและกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป่วย แม้ประเทศเราจะยอมรับและเปิดกันมากขึ้น แต่ถ้าไปได้อีกในขั้นนึงก็จะเป็นประโยชน์และวิเศษมาก คือเราอยากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์กับคนอื่น ที่ไม่โชคดีเหมือนเรา เพราะครอบครัวเรารักเราทั้งคู่ รายล้อมด้วยคนที่รักเรา แต่มีอีกหลายคู่ไม่ได้โชคดีเหมือนเรา”

วู้ดดี้ “ตอนที่เป็นข่าว เราคิดว่าจะพูดหรือไม่พูดดี เราก็จับมือกันและพูดประเด็นนี้ว่าการที่เราจะบอกทุกคนมันจะต้องมีคนในสังคมที่ได้ประโยชน์กับเรื่องนี้ที่เราเป็นข่าว และโอ๊ตก็ชัดเจนมาก เรารู้ว่ามีอีกหลายคู่ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม อย่างเรื่องการแต่งงาน เขาก็อยากได้สิทธิ์ตรงนั้น เราจึงคิดว่า ถ้าเราออกมาพูดอย่างนี้ มันทำให้คนคิดว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่มันโอเค คุณอย่าไปกลัว อย่าทำให้คำพูดคนอื่นมีความสำคัญกับคุณ การแต่งงานหรือกฎหมายเป็นเรื่องอีกสเต็ปหนึ่ง ยังไงเราก็จะสู้เพื่อทุกคนอยู่แล้ว เราไม่อยากให้ทุกคนที่เกิดมาเป็นเกย์รู้สึกหมดหวัง หรือใช้ชีวิตแบบไม่มีหวังเลย ตอนนั้นก็มองหน้ากันแล้วตัดสินใจแถลงข่าวพูดความจริง มันคงเป็นหน้าที่ของเราในฐานะที่ก็เป็นสื่อ และเป็นหน้าที่ของเราทั้งคู่ต้องช่วยกัน ก่อนหน้านี้ผมมองว่ากฎหมายก็เป็นแค่กระดาษ คุณจะไปแคร์อะไร คุณรักกันก็จบไม่เห็นต้องแต่งงานกัน แต่โอ๊ตเขามีมุมมองน่าสนใจมาก”

โอ๊ต “สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ซึ่งครอบครัวเข้าใจ จะบอกว่ากฎหมายนั้นสำคัญมาก สมมติว่าใครคนนึงป่วย มันหมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ในการดูแลกันและกันในฐานะสามีภรรยา”
วู๊ดดี้ “สมมติว่าคบกันมา 10 ปี มีคนนึงเป็นอะไร เราก็อยากเข้าไปดูแล แต่ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยอม มันก็จะเป็นการตัดสิทธิ์เราเลย ผมเลยเข้าใจทันทีว่ามันมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้โชคดี ที่พ่อแม่เข้าใจ เราเลยอยากบอกทุกคนว่าไม่ต้องห่วง หากถึงเวลาเราจะยืนให้กับทุกคน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน