‘ปู ไปรยา’ อินจัดบท ‘มาลัยวรรณ’ ทำความดันสูง หมอแนะหาทางคลายเครียด
วันที่ 20 มิ.ย. ที่ ชั้น 5 สยามพารากอน มีการจัดงานเสวนาพิเศษ การทำความดีเริ่มต้นที่เรา โดยมีนางเอกสาว “ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก” มาร่วมเสวนา ก่อนที่จะเริ่มเสวนา นางเอกสาวได้ให้สัมภาษณ์ถึงสุขภาพร่างกายตอนนี้ ที่มีข่าวเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง พร้อมอัพเดตเรื่องความรักกับหนุ่มฝรั่ง แมทธิว บราก โดย ปู เผยว่า “เดือนที่แล้วเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเพราะความดันสูง ทำงานหนัก เพราะว่าเครียด เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ ปกติในฐานะนักแสดง ปูยอมรับว่าปัญหาของปูจะเป็นปัญหาของตัวละครในเรื่อง บางกอกนฤมิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ปัญหาของตัวในละครกลับมาเป็นปัญหาของชีวิตปู ปูกลับบ้านแล้วปูคลายไม่ออก เพราะตัวละครเขาค่อนข้างมีความแค้น อาฆาต และเครียดสูง ตอนเด็กๆ ที่ปูแสดง ปูไม่เคยมีความรู้สึกพวกนี้ แต่ตอนปูโตปูมีนะ หวง หึง ฆ่า แค้น ครบ มีทุกอย่างเลย จึงเข้าใจว่าตัวละครมาลัยวรรณสนุก เล่นเป็นเขาสนุกตรงที่ว่าทุกคนมีมาลัยวรรณในตัวใจเขา แต่คนมักไม่กล้าแสดงออก และการที่ได้เล่นเขา เราได้แสดงออกเต็มที่ในใจเขาอยู่แล้ว ก็ต้องรอดูว่าร้ายแค่ไหน ทุกคนมีด้านมืด ปูก็มีด้านมืด”
ครั้งนี้เครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ ?
“ปูเป็นความดันสูงค่ะ มันไม่ใช่แค่องค์ประกอบจากละครหรอก ปูว่าปูเดินทางเยอะ ทำงานเยอะ ไหนจะงานสังคมของปู หรืองานอื่นๆ อีก มันเต็มไปหมดเลย”
หลังจากนี้ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตยังไงบ้าง ?
“ไม่ปรับเปลี่ยน ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมค่ะ ปูทำงานเต็มที่อยู่แล้ว คนเราเกิดมาครั้งเดียวจะคิดอะไรเยอะ”
สาเหตุมาจากเครียดต่อเนื่อง ?
“แต่ความรับผิดชอบปูก็มี ปูรับปากลูกค้าเอาไว้แล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ ไม่ซีเรียส ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร คุณแมทเขาก็เป็นห่วงเพราะเป็นช่วงที่ก่อนบินไปงานแต่งญาติเขา เราล้มเข้าโรงพยาบาลเลย เขาก็เป็นห่วงค่ะ แต่เขารู้ว่าปูเป็นคนที่ทำอะไรแล้วทำเต็มที่แล้วยังไงเขาก็เบรกไม่อยู่อยู่ดี ตอนนั้นเราอยู่กันคนละประเทศ ปูอยู่เมืองไทย”
กังวลมั้ย ?
“กังวลค่ะ แต่นี่ไม่ใช่รอบแรก เป็นรอบที่4-5แล้วในรอบปีที่ผ่านมา ก็ค่อยข้างหนัก แต่ก็ไม่เป็นไร สู้ค่ะ เป็นปีแรกที่เข้าโรงพยาบาลบ่อยมาก ทั้งที่แข็งแรงดี ปูออกกำลังกายมาโดยตลอด ปูตื่นเช้า ไปวิ่งเยอะ ตี5 ก็ตื่นแล้ว นอนเที่ยวคืน อาจจะนอนน้อยไป”
หมอให้ดูแลตัวเองยังไง ?
“ปล่อยวางค่ะ ทำใจให้เย็นๆ บ้าง สบายๆ พักบ้าง อย่าเครียดมาก บางครั้งปูก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเครียด ถามว่าจะมีใครมาบังคับให้ปูทำตามอย่างเคร่งครัดมันก็ไม่มีใครบังคับปูได้ ปูทำงานเซ็นสัญญาตั้งแต่อายุ13 ตอนนี้ปูจะ30แล้ว เพื่อนปูไม่ได้มีเยอะ ครอบครัวก็ไม่ค่อยได้เจอ มีแต่งานแล้วก็สิ่งที่ปูรัก อาชีพของปู แฟน มีอยู่แค่นี้ ถ้าจะไม่ให้ปูทำงานก็เหมือนตัดหัวใจปู ปูอยากทำ”
ทำงานเยอะ แล้วแพลนแต่งงานกันล่ะ ?
“รอเขาขออยู่ค่ะ (หัวเราะ) ยังไม่มีแพลนค่ะ ตอนนี้เขาอยู่เมืองไทย มาช่วยปูทำงาน และมีโปรเจ็คที่เขาอยากจะทำที่เมืองไทย เอาจริงๆก็มีการพูดคุยถึงเรื่องแต่งบ้าง แต่ปูยังอยากทำงานอยู่ ช่วงนี้น้ำขึ้นให้รีบตัก เพราะเราก็ไม่ได้จะมีงานทุกวัน กอบโกยในช่วงที่เราทำได้”
ถ้าเกิดเขาขอ ?
“รอให้ขอก่อนสิ เดี๋ยวถ้าพูดเยอะแล้วไม่เป็นไปตามนั้นจะทำยังไง”
เขาช่วยเราทำงานยังไง ?
“ช่วยทุกอย่าง ดูสัญญา ให้คำปรึกษา อยู่เคียงข้าง เราอยู่กันมา 2 ปีแล้ว เขาเป็นซัพพอร์ตที่ดี เราผ่านอะไรมาเยอะ รักความทวีป สำหรับปูเขาคือคนที่ใช่ ครอบครัวเราทั้งสองฝ่ายโอเคกับความสัมพันธ์ของเรา”
ครอบครัวเร่งเรื่องแต่งงานมั้ย ?
“สมัยนี้การแต่งงานต้องใช้วุฒิภาวะสูง ไม่ใช่คำที่จะมาพูดกันเล่นๆ ปูเป็นผู้หญิงอยากแต่งงานแค่ครั้งเดียว ทุกคนรู้ดีว่าปูทุ่มเทกับความรักมาก ถ้าแต่งปูไม่อยากหย่า ปูไม่ได้พูดคำนี้เล่นๆ ไม่ได้คิดแค่เรื่องการจัดงาน การแต่งงานคือการใช้ชีวิตคู่ทั้งชีวิต ปูไม่อยากใช้คำนี้มาสร้างกระแส นี่คือสิ่งที่ปูรอให้เกิดขึ้นมาทั้งชีวิต ถ้าเกิดขึ้นจริงก็อยากจะอยู่กับเขาทั้งชีวิต ปูรักคุณแมทมาก เขาเองก็รักปูมาก แต่เรารอโอกาสที่เรามีวุฒิภาวะ มีเวลาที่พร้อมกว่านี้ในการตัดสินใจอะไรที่ยิ่งใหญ่”
2 ปี เร็วไปมั้ย ?
“เร็วๆ นะ บางคนปูยังเคยคบตั้งหลายปีเลย ต้องใช้เวลาอ่ะ เรื่องนี้ไม่มีอะไรวัดได้ ปูรู้จักคุณแมทดี เขาเป็นคนดี ใจดี และเปลี่ยนแปลงตัวเอง มาอยู่เมืองไทย ซึ่งต่างจากชีวิตเขา”
นี้คือการซื้อใจเราใช่ไหม
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เขานั่งวินมอเตอร์ไซด์สบายเลย เขาชอบอาหารไทย เขารักประเทศไทยมาก ปูเป็นลูกครึ่งสวีเดน เขาก็เป็นลูกครึ่งสวีเดน”
ถ้าจะแต่งงานจริงๆ เขาก็ต้องอยู่เมืองไทยไหม ?
“ประชาชนไทยเจอเขาตามถนนก็ดีกับเขาหน่อยนะ(หัวเราะ) ไม่หรอกเขารักบ้านเมืองเขาอยู่ดี มันเป็นเรื่องในอนาคต เจายังไม่ปูภายในปี สองปีนี้หรอก”
ไปเดินพรมแดงที่เมืองคานส์ปีนี้เป็นไงบ้าง ?
“กระแสตอบรับดีค่ะ ไปกับแบรนด์ de Grisogono เป็นปีที่สองที่ได้ร่วมงานกับเขา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ที่เลือกให้เราไปอีกรอบ มีความสุขค่ะ วันแรกตื่นเต้น ใส่ชุดใหญ่ปกติปูไม่เคยใส่ชุดใหญ่ ปูไม่ค่อยมั่นใจ เพราะอย่างที่บอกว่าไม่เคยใส่ชุดใหญ่ วันที่สองใส่ชุดชิลไปเลย เพราะผู้ช่วยเขาหยิบรองเท้าคู่ผิดไป ปูเลยเลือกชุดนี้ก็สวยค่ะ”
ปีนี้ดาราไปเมืองคานส์กันหลายคนแล้วก็โดนวิจารณเรื่องชุดกันเยอะ แต่เรารอด ?
“ปูว่าเรื่องพวกนี้มันคาดเดากันยาก ในฐานะคนคนนึงเราอย่าไปพูดจาให้ใครเสียใจเลย การทำงานทุกวันเราคาดไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือกระแสตอบรับจะเป็นอย่างไร ปูเดินออกจากบ้านใส่ชุดเดินไปกินข้าวกับแฟน เราก็ไม่รู้ว่าคนจะชอบชุดนึ้ไหม แต่การพูดครั้งนึง มันอาจจะทำร้ายคนคนนึงไปตลอดชีวิตนะ บางครั้งปูก็มีทัศนะคติในหลายๆเรื่อง แต่ปูจะบอกว่าความคิดเห็นเป็นสิ่งสำคัญน้อยที่สุด แต่ความเข้าใจ และการกระทำสำคัญที่สุด อยากจะให้คนไทยมีความเข้าใจซึ้งกันและกัน ไม่จำเป็นต้องทำร้ายความรู้สึกกัน เราเป็นชาวพุทธ การกระทำ บุญ กรรม มันก็อยู่ตรงนี้ คำพูดก็ควรที่จะระวัง ปูเองเคยอยู่ในจุดที่เคยวิจารณ์คน พอมองกลับไปบางครั้งคำพูดเราก็จะไปทำร้ายคนอื่นก็ดี และปูว่าทั้งสามคนนี้เขาก็นิสัยดี เป็นรุ่นพี่ปู”
ขอบคุณรูปจากไอจี : prayalundberg