คู่กรณี นาย-ณภัทร แถลงโต้แอบอ้างโฆษณา ลบข้อกล่าวหา ใช้รูปหากิน
วันที่ 27 มิ.ย. ที่ โรงแรม แกรนด์ไฮแอทเอราวัณ กรุงเทพฯ มิสเตอร์ จอห์นสัน วู รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และนาย ปิยะ บุญชู ทนายความ ตัวแทนบริษัท ไทย ฟินเทค แถลงข่าวขอใช้สิทธิ์เรียกร้องชื่อเสียง ลบข้อกล่าวหา แอบอ้างใช้ภาพ นาย-ณภัทร หากิน และโจมตีว่าเว็บไซต์ที่ทำการตลาดผิดศีลธรรม ที่ หมู-พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ หรือ ภรผกา เสียงสมบุญ แม่ของพระเอกหนุ่มโพสต์ในไอจี
โดย จอห์นสัน วู เผยว่า “จากที่เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2561 หมู-พิมพ์ผกา เสียงสมบูรณ์ กับ นาย-ณภัทร ได้เผยแพร่ข้อความทางโซเชี่ยลมีเดียจนสำนักข่าวหลายสำนักนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยข้อความบางส่วนที่บอกว่าจะยกเลิกใช้ภาพตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. จนถึงวันที่ 14 มิ.ย. แล้วมีการพูดว่านาย-ณภัทร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ www.thishop.com พร้อมบอกว่าถ้าไม่เลิกนำชื่อนายไปทำให้นักศึกษาหลงเชื่อเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จึงขอนักศึกษาอย่าหลงเชื่อ แล้วก็ขอให้คนที่มีหลักฐานส่งหลักฐานมา เพื่อจะนำไปดำเนินทางกฏหมายนำไปฟ้องร้องทางกฎหมาย ทั้งนี้ข้อความทั้งหมดนี้ดังกล่าว ไม่เป็นความจริงทุกประการ บริษัทจึงขอชี้แจงให้กับประชาชนและทุกฝ่ายรับรู้ถึงรายละเอียดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้
วันที่ 29 มีนาคม 2561 บริษัทของเราได้ทำสัญญาว่าจ้างกับ ‘บริษัท 9 โมงเช้า จำกัด’ โดยมีพิมพ์ผกา เป็นกรรมการ และผู้มีอำนาจเป็นคู่สัญญา เพื่อจัดหานาย-ณภัทรเป็นนายแบบ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ให้กับ www.thishop.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของบริษัท ในเงื่อนไขที่ว่าจะถ่ายรูปแบบโฆษณา ภาพนิ่ง ภาพยนตร์โฆษณาบันทึกเสียง เป็นต้น ทั้งหมดเป็นสัญญาระยะเวลา1ปี เรามีการทำสัญญาว่าจ้างชัดเจน กับบริษัท 9 โมงเช้า เป็นผู้มีอำนาจ เราเซ็นในวันที่ 29 มีนาคม 2561 ในสัญญามีเวลา 1ปี ในราคา 6,900,000 บริษัทเรามีการโอนเงินให้กับบริษัท 9 โมงเช้า อย่างเป็นทางการเรียบร้อย และมีหลักฐานชัดเจน หลังจากนั้นเนื่องจากว่า นาย-ณภัทร ไม่มีคิวว่างในการถ่ายภาพโฆษณาให้บริษัท หมู-พิมพ์ผกา จึงมอบรูปภาพของนาย-ณภัทรให้บริษัทเราเพื่อที่จะทำการผลิตชิ้นงานโฆษณา ก็เลยเอารูปภาพนี้มาผลิตเป็นป้ายโฆษณาหรือโบว์ชัวต่างๆ โอเคอันนี้ไม่มีปัญหา มาถึงที่ปลายเดือนพ.ค 2561 ทั้งสองฝ่ายมีการเจรจาว่าจะยกเลิกสัญญากันเนื่องจากสาเหตุมีบางประการและมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน อย่างเช่นการจัดสรรคิวของนาย-ณภัทร ไม่ตรงกับความต้องการของบริษัท และหมู-พิมพ์ผกา มีความคิดเห็นไม่ตรงกันในการออกแบบโฆษณาต่างๆ ของบริษัท และสุดท้ายหมู-พิมพ์ผกา มีแนะนำบริษัทเอเจนซี่ ที่ทำโฆษณาให้กับบริษัทเรา ซึ่งบริษัทเราตรวจสอบแล้วปรากฏว่าราคาเอเจนซี่ที่หมู-พิมพ์ผกาแนะนำมาราคาสูงกว่าราคาเอเจนซี่ที่เราใช้อยู่หลายเท่า สุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายมีความตกลงที่จะยกเลิกสัญญากันในปลายเดือน พ.ค. 2561 ถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันด้วยดีในการยกเลิกสัญญากัน ก็หลังจากนั้นบริษัท 9 โมงเช้า มีการคืนเงินให้บริษัทเราเป็นจำนวนเงิน 5,800,000 บาท และมีหลักฐานในการคืนเงิน ว่าได้คืนเงินให้กับบริษัท และมีการหักเงินจำนวน 500,000 บาท ซึ่งบริษัทเรายินยอมจะโดนหัก จำนวนเงิน 500,000 นั้นไป ถือเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องรูปภาพของนาย-ณภัทรในช่วงเวลานั้น หลังจากยกเลิกสัญญาแล้ว ทางบริษัทก็พยายามที่จะถอดป้ายโฆษณาและรวบรวมชิ้นงานโฆษณาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาย-ณภัทรนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ถูกเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดียในวันที่ 14 มิ.ย.61 ของ น.ส.ภรผกา เสียงสมบูรณ์ และ นายณภัทร เสียงสมบูรณ์ ที่ลงข้อความในโซเชียลมีเดียไม่เป็นความจริง เพราะว่าเราเคยมีการเซ็นสัญญามาก่อน ไม่ได้เป็นการแอบอ้างแต่อย่างใด”
“ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ วันที่ 14 มิ.ย.61 น.ส.ภรผกาและนายณภัทรได้ลงในโซเชียลมีเดีย ว่าเราแอบอ้างนำรูปนี้ไปหลอกลวงลูกค้า ทำให้ลูกค้าหลงเชื่อ เพื่อที่จะซื้อสินค้าราคาแพง ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเราค่อนข้างมั่นใจว่า รูปภาพตัวนี้ในวันที่ 14 มิ.ย.61 มันไม่มีปรากฎสู่สายตาสาธารณะชนแล้ว เพราะทางบริษัทเราได้ถอดป้ายนี้นานแล้ว ซึ่งข้อความที่ถูกเผยแพร่ออกมาไม่เป็นความจริง ซึ่งบริษัทค่อนข้างมั่นใจในหลักฐานชัดเจนว่าเรามีจ้างบริษัทผู้รับเหมาบริษัทโฆษณาที่จะถอดป้ายนี้ลงตามเวลานั้น ซึ่งบริษัทผู้รับเหมาก็ได้ส่งรูปภาพให้กับบริษัทเราชัดเจนว่ามีการถอดป้ายนี้ลงแล้ว และมีการเปลี่ยนป้ายใหม่ด้วย”
“ทั้งหมดนี้บริษัทเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะครับจากที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เราได้พยายามที่จะติดต่อเพื่อที่จะพูดคุยกันกับ น.ส.ภรผกา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เราก็อยากให้น.ส.ภรผกาออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงของเรื่องนี้นะครับว่าเราไม่ได้แอบอ้าง รวมถึงบางคอมเม้นท์ผ่านโซเชียลมีเดียของ น.ส.ภรผกาว่าบริษัมเราแอบอ้าง บริษัทเราทำให้ลูกค้าหลงเชื่อ ทำให้ลูกค้าผ่อนชำระสินค้าในราคาแพง ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เป็นความจริง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้รับความร่วมมือใดๆ จากทางน.ส.ภรผกาจนถึงปัจจุบันนี้ครับ”
“ทีนี้ผมในฐานะตัวแทนของบริษัทก็อยากจะชี้แจงว่าบริษัทเราเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทยกับฮ่องกง มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ปัจจุบันนี้ก็ดำเนินธุรกิจทางด้านอีคอมเมิซ การชำระเงินทางด้านอิเลคทรอนิค มีการจัดส่งโลจิสติก มีระบบการส่งเสริมระบบโลจิสติก จริงๆ มีธุรกิจหลายอย่างนะครับ ซึ่งเว็บไซด์ที่ชื่อ thishop.com หรือแอพพลิเคชั่นที่ชื่อ thishop เป็นแพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ก็ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม และเว็บไซด์นี้ได้ผ่านมาตรฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยจากนานาชาติ ซึ่งก็ได้ลิขสิทธิ์หลายๆ อย่าง แสดงว่าเว็บไซด์ของเราเป็นเว็บไซด์ที่ปลอดภัยเป็นอย่างสูง และสุดท้ายนี่ผมขอยืนยันด้วยเกียรติว่าบริษัทเราไม่เคยเจตนาที่จะเจตนาแอบอ้างใช้สิทธิใดๆ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายนะครับ”
ขอบคุณรูปจากไอจี : naphat_nine