‘ชาย ชาตโยดม’ รับน้อยใจ ‘วิกกี้’ ชีวิตคู่ขาดหวาน หลังมี ‘น้องตฤณ’

วันที่ 30 ก.ย. ที่สโมสรกรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์ ชาย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ นักแสดงหนุ่ม เข้ารับรางวัล ราษฎร์บัณฑิต จัดโดยสหชมรมร่วมพัฒนาไทย (เครือข่ายองค์กรภาคีสื่อและประชาชน) จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ประกาศกลางรายการดัง เขียนร่างสนธิสัญญาขอฟีเจอริ่งกับภรรยาสาว วิกกี้ สุนิสา เจทท์ หลังห่างหายจากกิจกรรมจู๋จี๋ระหว่างสามีภรรยามานาน ตั้งแต่มี น้องตฤณ ลูกชาย วัยขวบกว่า

โดย ชาย เผยว่า “วันนี้มารับรางวัล ดีใจครับ ได้จากละครเรื่อง เกมเสน่หา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว ยิ่งชายมีลูก มีครอบครัวของตัวเอง ชายยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ ละครเรื่องนี้เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นว่าคนที่เคยรักกัน วันหนึ่งแยกทางกันก็ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน ยังหวังดีต่อกัน มีความเอื้ออาทรช่วยเหลือกันได้ โดยเฉพาะยังมีลูกเป็นคนสำคัญที่ยังไงก็คือครอบครัวของเรา”

“มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่ได้เล่นละครเรื่องนี้ ได้รับรางวัลที่เห็นถึงความสำคัญของบทและเรื่องราวแบบนี้ ผมจะอินกับบทบาทแบบนี้มาก เมื่อก่อนเวลาเราแสดง เราจะใช้จินตนาการเอาซะส่วนใหญ่ แต่หลังๆ เป็นเรื่องใกล้ตัว เรื่องของการเป็นพ่อ มีครอบครัว มีลูก เป็นอะไรที่เราจับต้องได้ง่ายและสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งมาก ความสำคัญของคำว่าพ่อ ความรู้สึกผูกพันที่มีต่อลูก จะรู้สึกได้ง่ายขึ้น”

ชาย ชาตโยดม เผยน้อยใจ วิกกี้

ทำหน้าที่ความเป็นพ่อที่ดี แล้วความเป็นสามี มีปัญหาหรือเปล่าในช่วงนี้?
“ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ชายว่ามันเป็นปกติของคู่สามีภรรยาที่มีลูกใหม่ๆ ที่ยังอยู่ในช่วงของการปรับตัว ต่างคนต่างก็เห่อลูก จะมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนไปทุ่มที่ลูกหมดทุกอย่าง เดินไปถามใครที่มีลูกวัยใกล้ๆ กัน ก็น่าจะมีความรู้สึกแบบนี้ อาจจะไม่ถึงกับขนาดเป็นปัญหา หรือปัญหาเดียวกัน (หัวเราะ)”

พูดในรายการหนึ่งว่าถึงขนาดต้องทำสนธิสัญญาขอฟีเจอริ่งกับ วิกกี้ ภรรยา?
“ถ้ามันเป็นไปได้จริงก็ดี แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่ดี กลับไปบ้านเราก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาอย่างแรกที่คิดถึง ลูกจะตื่นกี่โมง ลูกจะทานอะไร จะพาเขาไปทำกิจกรรมต่างๆ อะไรบ้าง มันก็เลยวนอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน”

ชาย-วิกกี้-น้องตฤณ

วิกกี้มีความรู้สึกน้อยใจไหม?
“ไม่เลย กี้ไม่น้อยใจหรอก ชายนี่แหละน้อยใจ (หัวเราะ) เมื่อก่อนชายกลัวว่า ถ้ามีลูกแล้วกี้เขาจะรู้สึกว่าชายไปรักลูกมากกว่า ไม่ใส่ใจเขา แต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันกลับกันครับ กี้ไม่ใส่ใจชายแล้วตอนนี้”

เราเลยน้อยใจ?
“มีบ้าง ก็คุยกันได้ ต้องเข้าใจ เพราะกี้เขาเหนื่อย ทำงานอยู่ที่บ้านเลย ชายยังมีโอกาสได้ออกมาทำงานข้างนอกเหมือนมาพักผ่อน มาเจอกองถ่าย เจอเพื่อนๆ เป็นการได้รีแล็กซ์สำหรับชาย แต่ว่ากี้เขาต้องอยู่ที่บ้านตลอดเวลา ทำงานอยู่ที่บ้าน คุยประชุมก็อยู่ที่บ้าน ขณะเดียวกันเขาต้องดูแลลูกไปด้วย มันก็เหนื่อยแหละ เขาอยู่ทั้งวัน พอชายกลับมาถึงบ้าน แล้วจะไปเรียกร้องอะไรเยอะมันก็ไม่ได้ มันไม่สมควร (หัวเราะ)”

พอโดนปฏิเสธบ่อย กลัวจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคตไหม?
“ต้องไปถามมิค(บรมวุฒิ) ดีกว่า มิคก็เป็นปี แล้วติดเลย มีลูกคนที่ 2 เลย ชายว่าขำๆ มากกว่า มันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรใหญ่โตขนาดนั้นครับ ถ้าถึงเวลาอีกทีก็อาจจะมีอีกคนไปเลย”พอขาดช่วงเวลาแบบนี้ไปนาน ความหวานที่มีให้กันน้อยลงไหม?
“น้อยลงจริงๆ ชายยอมรับเลยว่าพอถึงเวลาเราก็ลืมจริงๆ แต่ไม่ได้กลายเป็นปัญหาอะไรขนาดนั้น เพราะเรามีความสุขเวลาอยู่กับลูก เล่นกับเขา ได้ใช้เวลาอยู่กับเขาเยอะๆ แล้วเขาแฮปปี้ เราจะลืมไปหมดทุกอย่าง เรื่องอื่นก็เป็นเรื่องรองไปหมด”

ตอนที่ยังไม่มีลูก คู่เราหวานกันมาก พอมันลดลงไปเยอะ เลยเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน?
“ใช่ครับ ขาดมาก ถามว่าจะแก้ไขยังไง เคยคุยกันนะครับ ว่ายังไงดี เราจะจัดตารางกันเลยหรือเปล่า ก็ต่างคนต่างบอกว่าเดี๋ยวเราจะพยายามกันมากขึ้นแล้วกัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็อย่างว่าแหละ เอาลูกเป็นหลัก ตื่นเช้ามาก็ไปทำงานแล้ว กี้ก็ทำงานอยู่บ้านเลี้ยงลูก พอเรากลับมาก็เหนื่อยแล้ว”

จะจัดทริปไปเที่ยวต่างประเทศกัน 2 คนไหม
“สองคนเลยหรอ ยังไม่อยากทิ้งลูก เรามีความสุขเวลาอยู่กับลูก ทุกวันนี้เวลาเพื่อนชวนไปทานข้าวหรือออกไปไหนก็ตาม ถ้าไปไหนแล้วพาลูกไปไม่ได้ เราจะไม่ไปเลย คือเราเห่อลูกจริงๆ อยากอยู่กับเขา ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าโดนทิ้ง ถึงจะมีคนอื่นมาช่วยดูได้ คุณตาคุณยายคุณย่าดูบ้าง แต่เรายังเห่อลูก อยากดูเอง ไม่อยากจะไปไหนโดยที่ไม่มีเขา”

ไม่ได้แยกห้องนอนกับลูก?
“ไม่เลยครับ ลูกนอนตรงกลางเลยครับ หันไปก็เจอ มีคนแนะนำอยู่เหมือนกันว่าถ้าแยกห้องนอนกับลูกก็อาจจะดีขึ้น ขนาดจะออกไปทานข้าวยังไม่อยากจะทิ้งลูกเลย เวลานอนคงยากเข้าไปใหญ่ คงต้องรอให้เขาโตกว่านี้ ถึงขั้นต้องอดใจรอไปก่อน ใช่ครับ เราต้องมีความอดทน เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน