ปุยฝ้าย เล่าถูกขโมยงัดบ้าน ปัดสูญทรัพย์-เชื่อมีของดีคุ้มครอง รอปลอดภัย-ค่อยย้ายเข้า!
วันที่ 29 ต.ค. ที่บริเวณสี่แยกไฟแดง แยกรามคำแหง ปุยฝ้าย ณัฎฐพัชร์ วิภัทรเดชตระกูล นักร้อง-นักแสดงสาว มาร่วมกิจกรรม “ฮีโร่บนท้องถนน” จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่โพสต์อินสตาแกรมเล่าเหตุการณ์หลังถูกขโมยขึ้นบ้านที่โคราช โดยเพิ่งซื้อบ้านหลังนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงให้คุณแม่ไปไม่นาน ล่าสุดเจ้าตัวเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อตามหาเบาะแสคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
สาวปุยฝ้าย ดารา-นักร้อง มากความสามารถ
โดย ปุยฝ้าย เผยว่า “เป็นบ้านหลังใหม่ที่ฝ้ายเพิ่งซื้อให้แม่ได้ไม่นานที่โคราช ตอนนี้กำลังต่อเติม และเริ่มขนของเข้าไปแล้ว คืนนั้นมีขโมยขึ้นบ้าน ตัดประตู ตัดกุญแจทิ้งเรียบเลย คือเราไม่ได้กังวลเรื่องของ คิดว่าคืนนั้นถ้าแม่เรานอนอยู่จะเกิดอะไรขึ้น เป็นห่วงความปลอดภัยแม่มากกว่า โชคดีที่คืนนั้นแม่ได้อยู่บ้าน เป็นช่วงกำลังย้ายเข้า ยังไม่ได้ไปอยู่ถาวร คือมีคนที่โครงการโทรมาบอกแม่ แล้วแม่เขาตกใจรีบไปดู และโทรมาบอกฝ้ายว่าบ้านถูกงัด รีบไปดูว่ามีอะไรเสียหายบ้าง มีอะไรที่ถูกขโมยไปบ้าง พอไปเจอสภาพบ้านถูกตัดกุญแจ เหล็กดัด เปิดจนเข้าไปได้ แล้วก็เดินรื้อข้าวของทุกชั้นทุกซอกทุกมุมเลย แต่ไม่มีอะไรหาย น่าจะมีของดีอยู่ที่บ้าน เขารื้อแต่เขาไม่เอาอะไรไปเลย ซึ่งในคืนเดียวกัน มีเพื่อนบ้านโดนขโมยขึ้นบ้านด้วยเหมือนกัน ก็น่าจะเป็นแก๊งเดิมที่เดินสาย”
มีของมีค่าอะไรหายไปบ้าง?
“รื้อทุกสิ่ง แต่ไม่ได้ขนอะไรไปเลย ก็ถือว่าเรามีของดีแล้วกัน(หัวเราะ) รื้อหมดเลย บางอย่างก็มีค่านะแต่เขาไม่หยิบไป ก็เลยคิดว่าน่าจะเจ้าที่ดีค่ะ มันก็เสียหายแค่ตรงที่เขาตัดกุญแจ ของยังอยู่ ไม่เอาอะไรไป แต่หลังอื่นก็มีเสียหาย โดนขโมยไป”
ยิ้มสู้ในวันที่โดนงัดบ้าน
ทางหมู่บ้านรับผิดชอบยังไง?
“ตอนนี้ทางหมู่บ้านเร่งจัดการมาตรการขั้นเด็ดขาดโดยการเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัย เพราะมันเป็นโครงการใหม่ที่ลูกบ้านยังเข้ามาอยู่ไม่ครบ ฝ้ายก็ได้คุยแล้วล่ะว่าอะไรที่สามารถทำเพิ่มเติมเรื่องความปลอดภัยได้ก็อยากให้ทำ เราไม่ได้กังวลเรื่องของหาย ถึงเวลาเกิดขึ้นจริงๆแล้ว เราจะห่วงความปลอดภัยของคนในบ้านมากกว่า เราอยากมั่นใจว่าไปอยู่แล้วมันจะปลอดภัย เพราะตอนนี้ก็ระแวงมาก อะไรก็ตามที่ทำให้เราอุ่นใจได้เรื่องความปลอดภัย ตอนนี้ตำรวจเพิ่มความเข้มข้นในการเข้าไปดูแลความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิด ทางหมู่บ้านเพิ่มเติมระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ทำให้ลูกบ้านรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ฝ้ายยังไม่ให้แม่ย้ายเข้าไปอยู่ จนกว่าเราจะมั่นใจว่าโครงการได้เพิ่มเติมระบบความปลอดภัยแล้วทำให้เราอุ่นใจได้แล้วจริงๆ”
ทราบเบาะแสคนร้ายหรือยัง?
“ฝ้ายคิดว่าน่าจะเป็นคนใน เขาจะรู้ว่าวันไหนอยู่ไม่อยู่ ตอนนี้ตำรวจกำลังไล่ตรวจสอบ เพราะจริงๆก็ยังมีบ้านบางหลังที่ยังต่อเติมไม่เสร็จ เราก็ไม่อยากไปบอกว่าสงสัยใคร เอาให้เป็นหน้าที่ของตำรวจแล้วกัน เขาก็ทิ้งร่องรอยกันไว้เยอะ มากันกี่คนๆก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ เราคิดว่าไม่เกินความสามารถของตำรวจหรอก รอดู ซึ่งฝ้ายแจ้งความเรียบร้อยแล้วค่ะ ทางตำรวจก็รับปากว่าจะช่วยตามหาตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด เราห่วงความปลอกภัยจริงๆเพราะบางบ้านก็เป็นนักเรียนนักศึกษา ของหายเรายังพอหาได้ แต่ความปลอดภัยในชีวิตเรากังวลมากกว่า”
ต้องกลับบ้านไปหาแม่บ่อยขึ้น?
“ก็จะพยายามกลับบ้านให้บ่อยขึ้นอยู่แล้ว หรือไม่ก็พาแม่ออกมาจากตรงนั้นแทน เดี๋ยวลองดูเพราะจริงๆแล้วเราก็อยากได้บ้านที่อุ่นกายอุ่นใจเนาะ พอไปอยู่เราก็เพิ่มความสุขสบายให้แม่ด้วย เราก็สบายใจด้วย ก็รอดูมาตรการการจัดการทั้งของตำรวจและทางโครงการด้วยค่ะ”
บ้านหลังนี้ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรง
คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?
“คุณแม่กังวลหวาดผวามาก และฝ้ายก็กังวล ของหายไม่เท่าคนเป็นอะไร เราไม่รู้ว่าใครคิดอะไรยังไงอยู่ตรงไหน มีคนดีคนไม่ดีเราเลือกไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าทางโครงการมีการสกรีนคนเข้าออก มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ฝ้ายเชื่อว่าปัญหาตรงนี้มันจะหายไป คือตัวบ้านยังไม่ได้ติดกล้องวงจรปิด เพราะตอนนี้เราย้ายของเข้าไปยังไม่ครบ ตอนนี้ทางโครงการก็กำลังจะติดกล้องแล้ว ถามว่าจะเป็นเหมือนวัวหายล้อมคอก ฝ้ายเชื่อว่าเขาอาจจะมองว่ายังมีลูกบ้านอยู่ไม่ครบด้วย เขาค่อยๆทำ ค่อยเป็นค่อยไป นี่ก็เป็นโครงการที่ขึ้นใหม่อาจจะยังไม่สมบูรณ์ ตอนนี้ทางโครงการเร่งดูแลระบบต่างๆให้ดีขึ้น ขอให้ระบบทุกอย่างมันโอเคก่อนแล้วค่อยย้ายทีเดียวดีกว่า ตอนนี้มีของมีค่าอะไรก็เอาออกมาก่อน ถ้าทางโครงการเขาทำสมบูรณ์แล้ว เราค่อยเข้าอยู่”
ห่วงความปลอดภัยแม่มากกว่า?
“ใช่ค่ะ ห่วงความปลอดภัยของแม่มากกว่า ก็บอกแม่ว่าของหายก็ไม่เป็นไร มันไม่ได้มีใครอยากให้เกิด ไม่ได้บอกว่าเข้ามาเถอะ มาเอาของไปเถอะ อย่าทำแม่ฉัน เปล่าค่ะ ทางที่ดีก็อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือชีวิต แต่ในที่สุดเราจะห่วงความปลอดภัยของแม่เรามากกว่า”
ยังเชื่อมั่นโครงการอยู่ใช่มั้ย?
“ยังเชื่อมั่นค่ะ ฝ้ายเชื่อว่ามันอาจจะเกิดจากความล่าช้ามากกว่า ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ทำ ตอนนี้มันก็เหมือนมีสิ่งกระตุ้นแล้ว อะไรก็ตามที่คิดเอาไว้ต้องทำ หรืออะไรที่คิดไว้มันน้อยไปก็ต้องเพิ่มให้มากขึ้น ก็ยังเชื่อมั่นและยังให้โอกาสทางโครงการได้มาดูแลเรามากขึ้น”
รูปประกอบจากไอจี : faaaiiii_natapat
