ต่าย อรทัย หลั่งน้ำตาเล่าชีวิตวัยเด็ก พ่อแม่เลิกกัน ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

เป็นนักร้องลูกทุ่งที่หลายคนชื่นชอบ สำหรับ ต่าย อรทัย ที่ถึงแม้จะอยู่วงการมานาน แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยมีข่าวเสียหายออกมา ล่าสุดสาวลูกทุ่งสาวได้มาเปิดใจถึงเรื่องนี้ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องone31

ต่าย อรทัย

นักร้องเสียงดี

พิธีกรถามว่าย้อนอดีต ครั้งหนึ่งเคยเป็นสาวโรงงานมีได้เงินวันละ 160 บาทจริงหรือเปล่า?
“ต้องย้อนไปปีที่จบม.6 ใหม่ๆ มันก็หลายปีแล้ว ประมาณ 2542 ค่ะ ตอนนั้นค่าแรงได้วันละ 160 กว่าบาทค่ะ จริงๆตอนนั้นก็อยากเรียนต่อ เพราะว่าสอบเข้าที่ ม.ราชภัฎอุบลฯได้แล้ว แต่ว่าด้วยอะไรต่างๆที่เราไม่พร้อม เลยไม่ได้ไปเรียน

ครอบครัวมีกันอยู่ทั้งหมดกี่คน?
“มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็นน้องชาย 3 คน เราเป็นพี่สาวคนโต ก็แบกภาระของครอบครัว ตอนนั้นน้องชายคนโตไม่ได้เรียนต่อ จบแค่ป.6 เพราะว่าลำบากกันจริงๆ เราเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง ตอนเด็กๆ อยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณยาย แต่ช่วงประมาณ11 ขวบ คุณพ่อคุณแม่แยกทางกัน เราอยู่กับคุณยายและน้องชายมาตลอด อาจจะด้วยเป็นคนสมัยก่อนแบบบ้านๆ ซึ่งตอนนั้นเราเป็นเด็กจะมีคำถามเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จะรู้สึกว่าไม่เหมือนคนอื่น ความรู้สึกเหงามันเกิดขึ้นกับเด็กทุกคนอยู่แล้ว ได้คุณยายแล้วก็ญาติพี่น้องช่วยเติมเต็มความเหงาให้บ้างค่ะ“

ต่าย อรทัย

กว่าจะมีวันนี้

ตอนนั้นลำบากมากถึงขนาดต้องทำสวน ทำไร่เลย จริงไหม?
“ต้องบอกว่าโชคดีที่ต่ายเองมีโอกาสได้เรียนหนังสืออยู่บ้าง แล้วบ้านเราอยู่ตามต่างจังหวัดมีท้องไร่ท้องนา สิ่งที่จะเป็นรายได้เสริม คือเกี่ยวข้าว ดำนา ดายหญ้าไร่มัน หรือไปขุดมัน จะมีอยู่แค่นี้ ถือว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดก็จะมีวิถีชีวิตแบบนี้”

แล้วกลายมาเป็นนักร้องดังได้ยังไง?
“ไม่ทราบเหมือนกันว่าชีวิตจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้ ตอนนั้นเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นจุดเปลี่ยนให้กลายมามีชีวิตตรงนี้ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงมาสู่ความฝันและอาชีพที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ แต่ตอนที่อยู่ ม.6 มีโอกาสได้รู้จักกับคนที่ชักนำเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วคือพี่บ่าว ข้าวเหนียวและพี่สาว บ้านเชียง ตอนนั้นท่านรอให้ต่ายเรียนจบก่อน แล้วค่อยลงมาทำเพลงกัน แต่หลังจากเรียนจบก็ลงมาเป็นสาวโรงงานก่อน และด้วยความที่ชีวิตมันลำบากยังไม่ได้คิดเรื่องเพลง ทำงานมาสักพักปรากฏว่าตกงาน เป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่พี่เขาโทรกลับบ้าน อาจจะเห็นว่าเราน่าจะเรียนจบแล้วแต่ทำไมเงียบจังเลย เลยมีโอกาสได้นัดเจอพี่เขา แล้วลองทำเพลง ตอนนั้นโปรโมทกันในรายการวิทยุ จะรู้จักกันแค่ในกลุ่มเล็กๆ แล้วก็มีโอกาสได้ให้ครูสลา คุณวุฒิ ฟังหลังจากนั้นก็ได้เข้ามาเป็นนักร้องฝึกหัดอยู่ในแกรมมี่โกลด์ค่ะ”

กว่าจะได้เป็น “ต่าย อรทัย” ในวันนี้ เป็นนักร้องฝึกหัดอยู่กี่ปี?
เทียวไปเทียวมาอยู่ 1 ปีเต็มๆ มาซ้อม มาเรียน กลับห้อง ซึ่งตอนนั้นค่าใช้จ่ายก็มีผู้ใหญ่ดูแลส่วนนึง เวลามีงานไปร้องเพลงได้ค่าตัวเล็กๆน้อยๆบ้าง แล้วระยะทางมาแกรมมี่ก็ค่อนข้างไกล เพราะตอนนั้นอยู่แถวโชคชัย 4 นั่งรถเมล์มาอโศก หลายต่ออยู่ค่ะ มีหลงบ้าง แต่การที่เราหลงมันทำให้เราได้จำว่าต่อไปอย่าหลงอีก เพราะการหลงมันไปไกลมากเลยค่ะ

แล้วมามีอัลบั้มเป็นของตัวเองได้ยังไง?
“ตอนที่รู้ มันไม่ถึงกับรู้สึกเซอร์ไพรส์นะ แต่หมายความว่าผ่านการฝึกซ้อม เรียนอย่างหนัก แล้วค่อยๆเข้าห้องอัดทีละเพลง เหมือนสะสมเพลงไปในตัว แล้วก็ค่อยๆเรียนไปทีละเพลง มันไม่ได้แบบตอบรับมาแล้วเรารู้สึกเซอร์ไพรส์หรือถูกใจ เหมือนถูกรางวัลที่ 1 อะไรแบบนี้ แต่มันเป็นความพยายามของเรา ที่เรารอคอยวันนี้อยู่ วันที่เราจะได้มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง เรียกว่าวันนี้ที่รอคอยก็ได้ค่ะ”

หลังจากที่เรามีชื่อเสียง มีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่บ้างไหม?
“อาจจะด้วยพอเราโตแล้วเราเข้าใจในเรื่องของความรักแล้ว เราเข้าใจความรู้สึกว่าความรักมันเป็นยังไง วันนึงคนหนึ่งที่แบบว่าเจอกัน มีชีวิตครอบครัวด้วยกัน แล้ววันหนึ่งมันไปไม่ได้ ก็ต้องจบ เลยเข้าใจว่า ที่พ่อกับแม่ไปด้วยกันไม่ได้เพราะอะไร เราก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น แต่ไม่เคยไปถามคุณพ่อกับคุณแม่สักทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงแยกจากกัน เพราะว่าตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยเห็นคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกัน แล้วอยู่ๆมาวันหนึ่งคือเลิกกันเลย รู้สึกช็อกอยู่เหมือนกัน มีคำถามคาใจ ขาดความอบอุ่น แต่เรามีทุกอย่างรอบข้างที่คอยทำให้เราเข้มแข็ง คอยทำให้เรามองโลกในแง่ดี รู้สึกขอบคุณสิ่งแวดล้อม และถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะแยกทางกันก็ตามแต่ก็ไม่เคยทอดทิ้ง ท่านก็ยังทำหน้าที่อยู่”

อีกคนหนึ่งที่เลี้ยงเรามาคือคุณยาย มีอะไรอยากจะบอกท่านไหม?
“ไม่มีอะไรเลยค่ะนอกจากคำว่าขอบคุณมาก จริงๆก็เหมือนแม่เลยก็ว่าได้ ที่ให้ทุกอย่าง แล้วเป็นคนที่ทำให้รู้สึกว่ายายเข้มแข็ง เลยทำให้หลานเข้มแข็งอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีอะไรนอกจากคำว่ารักยายที่สุดในโลกเลยค่ะ

มีข่าวว่ากำลังปลูกต้นรักกับ “ไผ่ พงศธร” จริงหรือเปล่า?
“ปลูกต้นรัก หน้าตามันเป็นยังไงคะ(หัวเราะ) ไผ่เป็นคนน่ารักค่ะ ร่วมงานกันมานาน ไม่ได้เป็นคนรักกันหรอก เป็นพี่เป็นน้องกันมากกว่า แฟนเพลงเชียร์ให้จิ้นกัน เขาลุ้นมานานมากแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่ามีโอกาสลุ้นไหม อย่างที่บอกค่ะว่าเป็นพี่น้อง มันเปลี่ยนไม่ได้หรอกค่ะ เวลาทำงานด้วยกันต่างคนต่างไป เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่เคยมีร่วมกันเลยค่ะ คือแฟนเพลงคงมีโอกาสได้ดูละคร แล้วคิดว่าทำงานร่วมกันคงได้เจอกัน แต่จริงๆนานๆ ถึงจะได้เจอกัน แล้วเวลาเจ้าภาพจ้างงานไม่ได้เจอกันเลยนะคะ สมมุติว่างานวัดมี 10 วัน จะไม่ได้ไปพร้อมกันนะ จะไปกันคนละวัน ก็จะไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว”

งั้นในชีวิตจริงตอนนี้ สถานะเป็นยังไง?
“ไม่มีเลยค่ะ แต่ถ้าถามย้อนกลับไปจริงๆมันก็เคยมีแบบจะคบกันบ้างอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ยังโสดอยู่ค่ะ”

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน