วันที่ 20 มี.ค. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ นักแสดงหนุ่ม ฌอห์ณ จินดาโชติ มาร่วมงาน วีซ่า จัดแสดงภาพถ่ายจากแคมเปญ #notatourist: See Thailand through Local Eyes จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ตนเพิ่งไปเที่ยวพักผ่อนที่นิวซีแลนด์หนึ่งสัปดาห์ จนหลายคนมองว่าหนุ่มฌอห์ณไปพักใจกับเรื่องราวดราม่าอดีตคู่จิ้น เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ที่ผ่านมา รวมถึงยังชี้แจงประเด็นที่โพสต์ในไอจี เกี่ยวกับเรื่องการสื่อสาร สร้างความเข้าใจเสมอ ยืนยันไม่ได้เกี่ยวกับใคร เป็นสไตล์ส่วนตัวที่ชื่นชอบการลงรูปแนวอาร์ต

 

ฌอห์ณ กล่าวว่า “ผมเพิ่งไปนิวซีแลนด์มาดีมากครับ จริงๆกึ่งไปทำงานและได้ไปเที่ยวในตัวด้วย เป็นเหมือนปลีกวิเวกนิดหนึ่ง มีน้องผู้จัดการไปด้วย เขาก็ช่วยถ่ายรูปให้ผม นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่คนไทยไม่ค่อยได้ไปเยอะ และที่ผมไปเป็นภูเขาที่ต้องใช้เวลาเยอะ ถ้าไม่ปืนก็ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปเลยต้องใช้เวลานาน แต่วิวที่ได้ถ่ายออกมาก็จะแปลกหูแปลกตาครับ ช่วงนั้นที่ไปก็ปล่อยเซอร์ไว้หนวด พอกลับมามีแต่คนพูดถึงว่าชอบลุคแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ เน็ตที่นั่นไม่ค่อยดี ไม่ค่อยมีไวไฟด้วยก็เลยลำบากนิดนึง ก็พยายามจะบอกว่าเราโอเคนะ เราอยู่ในรถบ้าน เรามาตั้งแคมป์นะ ก็ไม่ต้องห่วง ไปเกือบอาทิตย์นึง 7-8 วันครับ เหมือนไปพักผ่อน ไปเซอร์เวย์ด้วย เพราะอาทิตย์นี้ผมก็จะไปไอซ์แลนด์ต่อ เป็นช่วงที่ลางานและจะไปต่อเลย”

 

*every where i go i remember how i feel.. #jindainnewzealand

โพสต์ที่แชร์โดย Sean Jindachot (@seanjindachot) เมื่อ

คนมองว่าเราไปพักใจหรือเปล่าหลังเจอเรื่องราวต่างๆมา?
“ไม่หรอกครับ ถ้าพักใจนอนอยู่บ้านก็ได้ครับ คือถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดีที่เราทำ เราก็จะซีเรียส แต่มันเป็นแค่เรื่องการเข้าใจผิดครับ เราไม่ได้ซีเรียสอะไร และมันตรงกับตารางคิวงานที่ว่างพอดีก็เลยไป อยากจะไปถ่ายรูป เริ่มหารูปมาใช้ในการเขียนหนังสือประกอบกับเรื่องานด้วย พอกลับมาพักอีกแปปนึงแล้วจะไปอเมริกาต่อ พอพักละครปุ๊บก็ไปครับ อยากไปเก็บเรื่องราวมาเขียนหนังสือต่อ อยากทำหนังสือโฟโต้บุ้คส์ด้วยครับ”
ช่วงนี้พักยาวแล้วงานละครล่ะ
“กองละครคิวยังไม่แน่นด้วยครับ เพราะตอนนี้เปิดเรื่องหนึ่ง เดี๋ยวเดือนพฤษภาค่อยเปิดเรื่องที่สอง เพราะหลังพฤษภาก็จะเที่ยวไม่ค่อยได้เยอะแล้วครับ ส่วนงานอีเวนต์ ดันมาติดต่อตอนที่ผมไปไอซ์แลนด์เยอะมากครับ ทุกวันนี้คุณแม่ก็บ่นอยู่ว่าไม่น่าไปเลย แต่ไม่เป็นไรครับ ถือว่าไปเที่ยวเพราะคุณพลอย จินดาโชติ ไปด้วย ตั้งใจจะไปถ่ายรูปให้แก ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรพาครอบครัวไปเที่ยวก่อน เรื่องงานค่อยว่ากัน”

 

เสียดายไหม?
“เสียดายเงินครับ (หัวเราะ) แต่ว่าไม่เป็นไรครับ เอาความสุขคนรอบข้างก่อน เรื่องเงินทองเดี๋ยวค่อยว่ากัน อย่างที่บอกกลับมาเดี๋ยวก็มีงานละคร ฝากเอเจนซี่จ้างผมได้ครับเพราะใช้เงินเที่ยวไปเยอะแล้ว ก็ไม่ถึงกับแคนเซิลงานไปเยอะ 4-5 งาน ช่วงที่ไปเพราะไม่อยู่จริงๆ”

 

เห็นโพสต์อะไรในไอจี เกี่ยวกับเรื่องใครหรือเปล่า?
“ไม่ครับ เป็นการโปรโมตเรื่องมือถือเฉยๆ ผมไม่มีอะไร ลงงานให้เขา”

 

*man in the mirror | สะท้อนแสง #jindainnewzealand

โพสต์ที่แชร์โดย Sean Jindachot (@seanjindachot) เมื่อ

เห็นเราโพสต์เรื่องการสื่อสาร คนมองว่ากลับไปคุยกับเอสเธอร์แล้ว?
“อย่าไปโยงอะไรอย่างนั้นเลยครับ ไอจีผมคือเรื่องของผมกับครอบครัวและเพื่อนของผม ถ้าผมจะโยงไปใคร ผมแท็กเขาไปดีกว่า คงไม่โพสต์ลอยๆ และมันไม่ใช่สไตล์การลงรูปของผมอยู่แล้วถ้าตัดพ้อหรือพูดพาดพิงถึงใคร ไอจีผมคือเปิดให้ทุกคนมาเรียนรู้ชีวิตผม ไม่ใช่ไปเรียนรู้ชีวิตคนอื่น ถ้าคุณอยากเรียนรู้ชีวิตคนอื่นก็ไม่ต้องมาตามผมก็ได้ ผมไม่ทำแบบนั้น อยากสบายใจไม่ต้องคิดอะไรมากครับ”

 

เห็นแฟนคลับให้กำลังใจ?
“ชาวเน็ตผมเข้าใจนะครับว่าหวังดี แต่จริงๆต่อให้เป็นรูปขาวดำก็ไม่ใช่รูปดราม่า มันเป็นรูปอาร์ตครับ ทุกอย่างเป็นศิลปะ ผมไม่ค่อยลงรูปเครียดอะไรในไอจี คือจะมีทุกข์อะไรจะเก็บไว้ในใจหรือบอกให้ครอบครัวฟัง เพราะในไอจีส่วนใหญ่เป็นรูปครอบครัวชีวิตผม เพื่อนผมและเรื่องงาน เอาเรื่องดีๆมาเล่าให้ทุกคนฟัง เรื่องไม่ดีก็ไม่เอามาสร้างความทุกข์ใจให้คนอื่นอยู่แล้ว”

 

เรื่องทุกอย่างผ่านไปเป็นอย่างไรบ้าง?
“ผมก็ทำบุญครับ ว่างก็ทำบุญก็รู้สึกว่าเราอาจจะโตขึ้น เราเข้าใจว่าเราอยู่ในที่แจ้ง มันก็จะมีเรื่องราวให้เราเรียนรู้หรือคนที่คิดแตกต่างจากเรา แต่สิ่งที่สำคัญคือสติ เวลาทำอะไรเราต้องรู้ตัวจะได้ตอบได้ชัดเจน เราจะได้รู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ฉะนั้นผมก็คิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ในเรื่องของการคุยงานให้เราละเอียด ให้เราไตร่ตรองพิถีพิถันมากขึ้นในการรับงาน”

 

*come away with me #jindainnewzealand

โพสต์ที่แชร์โดย Sean Jindachot (@seanjindachot) เมื่อ

มันให้บทเรียนอะไรไหม?
“บทเรียนมันน่าจะใช้กับเวลาเราทำผิดนะ ผมว่ามันเป็นประสบการณ์มากกว่า เป็นเหมือนการเรียนผ่านอีกขั้นของชีวิตในวงการ เพราะพี่อ้อม (พิยดา) ก็บอกถ้าอยู่ในวงการแล้วไม่มีเรื่องราวมันก็ยังขึ้นไม่สูง ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี อยู่ในที่แจ้งแล้วเริ่มมีคนสนใจ”

 

รอบคอบมากขึ้นในการรับงาน
“ใช่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวผู้จัดการของผมคนเดียว ขึ้นอยู่กับผมด้วยก็ต้องถามหลายรอบ สรุปว่ายังไง เพื่อความสบายใจของลูกค้าและเพื่อความสบายใจของตัวเราเองด้วย ไม่เบียดเบียนใคร”

 

ไม่ใช่การเรื่องมากในการทำงาน?
“ไม่หรอกครับ ยิ่งเราโตขึ้น ยิ่งเรื่องมากงานก็จะยิ่งน้อยลง คุยกันให้ตรง มันจะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย ผมอยากทำงานให้ทุกคนอยู่แล้ว อยากให้ทุกคนแฮปปี้กับการว่าจ้างและผมก็อยากมีตังค์ค่าขนมอยู่แล้ว ไม่อยากทำตัวให้มีปัญหากับใคร ”

 

*far far away | คนไกลบ้าน #jindaphotos #jindainnewzealand

โพสต์ที่แชร์โดย Sean Jindachot (@seanjindachot) เมื่อ

ข่าวที่ผ่านมาส่งผลกระทบอะไรกับงาน?
“น่าจะเป็นเรื่องการมีคนจ้างมากขึ้นนะครับ”

 

ปีนี้จะได้ออกหนังสือไหม?
“ปีนี้สัญญาว่าจะทำหนังสือให้เสร็จครับ ก็พยายามเร่งแต่ต้องเข้าใจด้วยว่าคือละครก็มา ผมก็นอนน้อยลง คือตอนนี้ผมต้องหยุดก่อนครับ แต่ว่าตั้งใจจะทำเพื่อหาเงินช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ เขาติดต่อมา คงไม่ทันงานสัปดาห์หนังสือเดือนมีนา ต้องเป็นช่วงปลายปีจะได้ฉลองวันเกิดไปเลย”

 

กดดันไหม?
“ไม่กดดันครับ เพราะไม่เน้นยอดขาย ทำเงินไม่ถึงตัวอยู่แล้ว แต่ทำให้คนได้อ่านงานสร้างสรรค์และได้อ่านอะไรดีๆมากกว่า มันก็เลยไม่กดดันอะไรครับ “

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน