นาทีเฉียดตาย! แก้มบุ๋ม หมาชน เลือดออกซ้ำ กลัวเหมือนผ่าคลอดอีก – ซึ้งใจ พีท

เผยนอนราบหายใจไม่ออกเหมือนจะตายแล้ว – วันที่ 8 ก.ค. ที่บริษัทเจ เอส แอล จัดบวงสรวงละครเรื่อง “หว่อ อ้าย หนี่ เธอที่รัก” ซึ่งมี แก้มบุ๋ม ปรียาดา สิทธาไชย ร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย หลังจากจบพิธี นักแสดงสาวได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกหามส่งโรงพยาบาล และผ่าตัดทันที เพราะซีสต์แตก พร้อมอัพเดตกับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ “พีท กันตพร” ทายาทโรงพยาบาลเกษมราษฎร์

เรื่องราวอาการป่วยเป็นอย่างไรบ้าง
“ตอนนี้ดีขึ้น เดินได้ ทำอะไรได้ปกติ ห้ามล้มอย่างเดียว แต่ก็แอบสะดุดไปแล้ว 2 รอบ มีเลือดออกนิดหน่อย หมอบอกว่าข้างในรักษาตัวเองได้ ที่เลือดยังออก เพราะว่าเราเข้าไปในร้านของเรา และมีหมามาชนขาเราจะล้ม แต่ก็ไม่ล้ม เลยมีเลือดออกนิดนึง

กลัวต้องผ่าตัดอีกไหม
กลัวไม่อยากผ่าตัดแล้ว เพราะว่าแผลเราเป็นแผลเปิดเหมือนผ่าคลอดลูก จะเปิดอีกรอบไม่ไหว หมอยังนัดไปดูแผล และต้องเจาะเลือดดูว่าเลือดยังดีมั้ย เพราะว่าตอนที่เข้าโรงพยาบาล เราให้เลือดไปประมาณ 6 ถุง เพราะว่าค่าเลือดไม่ได้เลย”

วันนั้นเกิดไรขึ้น
“ปวดท้องตอนกลางคืน ด้วยความที่เราเป็นคนอดทน พอปวดท้องก็คิดว่าแก๊สในกระเพาะเยอะ ทนไปจนถึง 7-8 โมงเช้า เรามีอาการนะ มีหน้ามืด คลื่นไส้ นอนไม่ได้ ต้องนั่งพิงหัวเตียงไว้ เสร็จตอนเช้าบอกให้เขาโทรเรียกรถโรงพยาบาลให้หน่อย พอไปถึงโรงพยาบาล หมอบอกให้ผ่าตัดทันที ถ้าช้ากว่านี้ครึ่งชั่วโมงไม่รอดแน่ เพราะว่าเลือดออกประมาณพันห้าร้อย”

เรียกว่าถ้าไปช้าอาจจะเสียชีวิต
“ใช่ค่ะ ถ้าไปแล้วหมอหาสาเหตุไม่ทัน ก็คงไม่อยู่แล้วค่ะ”

กับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเรากลัวตายไหม
“ไม่กลัวค่ะ เพราะว่าตอนที่เข้าไปมันต้องทำทีซีสแกน คือเราไม่สามารถบอกหมอว่าเราไม่สามารถนอนราบได้ เพราะเหมือนข้างในเลือดมันออกมา พอนอนราบมันก็ตีมาถึงไหล่ หายใจไม่ออก เหมือนจะตายแล้ว ตอนนั้นถ้าให้นอนราบอีก 5 นาที หนูคงตายแล้ว ไม่ได้กลัวตายเพราะหมอบอกว่าน่าจะเกิดจากในช่องท้อง จะเป็นอะไรก็เป็น”

เจ็บที่สุดในชีวิตไหม
เรียกว่าเฉียดตายครั้งแรกในชีวิต หนูรู้สึกว่าที่หนูรอดได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้หนูช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่ไว้เยอะ ช่วยวัว ควาย ไว้เยอะ อย่างที่บอกว่าปีนี้ตั้งใจว่าจะช่วย 100 เคส ผ่านมาครึ่งทางแล้ว อันนี้มันเป็นบุญกุศลที่ทำให้เราอยู่ต่อได้ ที่หนูไม่กลัวตายเพราะว่าก่อนหน้านี้หนูทำทุกอย่างได้เต็มที่ ทำด้วยใจ และทำจริงๆ ถ้าวันนี้จะตายก็รู้สึกว่าพอแล้ว เราทำดีแล้ว”

จะต้องทำบุญมากขึ้นไหม
“เรายังทำบุญเท่าเดิม ทุกวันนี้ทำบุญมากกว่าทำงาน หาเงินให้ตัวเองอีก แต่มันก็ทำให้คนที่ติดตามเราทำบุญมากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าเขาทำแล้วเขาได้ เขาเห็นเราเป็นตัวอย่างว่าพอเราเจอเหตุการณ์อะไร สิ่งที่เราสะสมเล็กๆน้อย แค่เป็นสะพานบุญบอกคนอื่น มันกลับช่วยเราได้ นี่คือส่วนนึงของความเชื่อ การที่เราตรวจพบโรคเร็ว ทำให้เรารอดค่ะ”

หายเร็วขนาดนี้เพราะเรามีคนดูแลดีหรือเปล่า
“เพราะเราเป็นคนถึกมากกว่า ถามว่าคนดูแลดีมั้ย เขาดูแลดีค่ะ ยาใจดีอยู่แล้ว ต้องบอกเลยว่าถ้าหนูให้รถโรงพยาบาลมารับ คงต้องรอเป็นชั่วโมง แต่สายตรงไปถึงหมอก็เข้ามา ถ้าไม่ได้เขาอีกคนหนูคงจะไม่รอด เพราะว่าเขาเป็นคนติดต่อทุกอย่างให้หมด”

พ่อไปส่งหลาน พ่อถามว่าเป็นไร เราก็บอกว่าหนูจะไปโรงพยาบาล หนูไม่ไหวแล้วค่ะพ่อ พ่อก็บอกว่าเออๆ แล้วก็เดินไป พอรถโรงพยาบาลมาก็ไม่มีคนขึ้นไปกับหนูสักคน พ่อกับพี่เลี้ยงเดินมาส่งหน้าบ้าน ยกกระเป๋าให้ หนูนั่งรถโรงพยาบาลมา มือก็จับกระเป๋า และคิดว่าไม่มีใครสนใจเราเลยจริงๆ

เรียกว่าซึ้งใจไหม เขาดูแลเราดี
“เขาตามไปที่โรงพยาบาล เขาดูแลดีมาก เขาไม่อยู่ก็ฝากพี่พยาบาลให้ช่วยดูแล ทุกคนดูแลดีมาก”

เขาเป็นใคร
“รู้กันอยู่แล้วไม่อยากพูดถึงสักเท่าไหร่”

ดูเราเปิดตัวมากขึ้น
“ให้เกียรติเขา ขอบคุณเขา จริงๆ เราไม่ได้แบบว่าอยากปิดครึ่งนึง เราเกรงใจเขา เราทำงานในวงการ แต่เขาไม่ได้ทำงานในวงการ เขาไม่อยากให้คนรู้จักเขาหรือเปล่า เคยคุยกันไปเขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เราก็โอเค พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลยลงขอบคุณเขา อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ จากนี้ครึ่งๆ หน้า ไม่มีแล้วค่ะ มาเต็มๆ ค่ะ แต่ไม่ได้สวีตหวาน แต่จะมีรูปคู่แค่นั้นค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน