กันต์ ตอบทุกดราม่ามวยคู่เดือด รับเหวอ เจ้าขุน แย่งไมค์ เชื่อเจตนาดี งงช็อตชูนิ้วกลาง!

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ทีเอ็มบี สำนักงานใหญ่ พหลโยธิน นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง กันต์ กันตถาวร ให้สัมภาษณ์หลังมาร่วมงานแถลงข่าว “TMB I ING PARKRUN 2019” ถึงประเด็นดราม่า “เจ้าขุน จักรภัทร” ลูกชายของ “เจ เจตริน” และ “ปิ่น เก็จมณี” แย่งไมค์กลางเวทีขณะทำหน้าที่พิธีกรรายการ “10 Fight 10”

โดยถูกชาวเน็ตวิจารณ์กิริยามารยาทของน้องเจ้าขุนที่ไม่เหมาะสม ทั้งการชูนิ้วกลาง อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตก็ยังชื่นชมการทำหน้าที่พิธีกรของหนุ่มกันต์ ที่สามารถควบคุมสติและดำเนินการรายต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุดอีกด้วย

รายการ “10 Fight 10” เมื่อคืนที่ผ่านมาดราม่าหนักมาก?
“เรื่องราวเมื่อคืนทั้งหมดในฐานะพิธีกร ผมก็ได้อ่านมวลรวมทั้งหมด มีหลายมวลรวมที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และมากมาย เริ่มจากรายการก่อน ด้วยความที่เป็นรายการสด เราถ่ายทำกันมา 10 สัปดาห์ต่อกัน มีกล้องเกือบ 20 ตัว ทีมงานเกือบ 100 คน เราทำงานกันหนักมาก

เริ่มซ้อมกันตั้งแต่เช้า ถ่ายทำกันจริง ๆ ตอน 2 ทุ่ม ทีมงานมาก่อนและกลับหลังเรา เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ต้องขอชื่นชมทีมงาน ถ้าไม่มีพวกคุณ รายการนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ซึ่งเราทำกันอย่างดีที่สุด ณ ขณะหนึ่ง เพราะเป็นรายการสด อาจจะดีไม่หมด ไม่ได้ถูกใจทุก ๆ คน แต่รายการสดไม่สามารถมีเทค 2 ได้ เราอยากทำอะไรให้ดีกว่านี้ ก็ไม่สามารถแก้ไขได้

หน้าที่ของผม คือ เหมือนกองกลางในทีมฟุตบอล มีหน้าที่จ่ายบอล คอยดำเนินเกมให้สมูทมากที่สุด นั่นคือสิ่งที่เราทั้งหมดได้ทำกัน ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในรายการเมื่อวาน ผมเป็นห่วงทุก ๆ คน เป็นห่วงความรู้สึกทั้งของทีมงานเวิร์คพอยท์ ทีมงานของพี่เจ-เจตริน ของน้องเจ้าขุน และของแบงค์-ธิติ ต้องบอกว่าทั้งเจ้าขุน และ แบงค์ เป็นน้องผม เรารู้จักกันอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่พี่น้องในวงการบันเทิง

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น ผมพูดอย่างนี้แล้วกัน ภาพที่เราได้เห็นในทวิตเตอร์ หรือ อะไรก็แล้วแต่นั้น ผมจะพูดแค่ส่วนของผม ไม่พาดพิงคนอื่น ที่เห็นว่าน้องแย่งไมค์ ในฐานะพี่ชาย ผมก็ต้องพูดจริง ๆ ว่าสิ่งที่น้องทำไม่ถูกต้องนะ คุณไม่สามารถแย่งไมค์จากใครก็แล้วแต่แบบนั้นได้ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ผิดไม่ผิดต้องดูที่เจตนา คือ น้องไม่ได้มีเจตนาที่แบบเห้ย เอาไมค์มา น้องแค่รู้สึกว่าเหมือนเกมจบแล้ว พอพูดเสร็จเอาไมค์คืนพิธีกร ผมก็พูดแล้วว่า ครับผมจะพูดแล้วไมค์ก็หายไป

สิ่งที่น้องทำต่อคือเอาไมค์ไปขอบคุณแฟนคลับของแบงค์ นั่นคือเจตนาครับ คือเจตนาดีแต่การกระทำผมก็กล้าพูดว่าไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นผมว่าน้องได้เรียนรู้แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องไปพูดต่อว่ามันไม่ถูกนะ น้องสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าด้วยการแสดงออกของน้อง น้องเป็นคนที่คิดเลยทำเลย

เราจะเห็นได้ในทุกๆอิริยาบถ อย่างเวลาจะพูดเขาก็จะพูดเลย คือไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งไม่ดีนะ สุดท้ายแล้วประสบการณ์มันจะสอนน้องเองว่าอะไรดีอะไรไม่ดี มันต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองครับ เรื่องพวกนี้มันต้องเจอกับตัวเอง คือยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุแล้วน้องจะค่อยๆเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ปีนี้ผมอายุ 34 แล้ว น้องเพิ่งอายุ 16 เอง เพราะฉะนั้นน้องยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างในการอยู่ตรงนี้

เรารู้จักน้องเพราะนี่คือครอบครัวของพี่เจนะ น้องเจ้านาย น้องเจ้าขุน น้องเจ้าสมุทร น่ารักทุกคนเลยเวลาที่มาถ่ายรายการ เขาจะมากันทั้งครอบครัว แต่น้องเจ้าขุนเพิ่งก้าวขามาขาเดียวในวงการเอง เขายังไม่ได้แบบเล่นละครมาหลายเรื่อง มีซิงเกิลมาแล้วหลายเพลงหรืออะไรที่ทำให้เขามีประสบการณ์ในการถูกสัมภาษณ์หรือจะต้องพูดยังไง เขายังไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากนัก เพราะฉะนั้นผมว่ามันเป็นสิ่งที่น้องจะต้องเรียนรู้

ผมว่าเรื่องนี้น้องรู้แล้ว และผมว่าครอบครัวของน้องคือพี่เจ และพี่ปิ่นก็รู้แล้ว ไม่มีใครอยากทำอะไรไม่ดีออกมาให้ประชาชนมานั่งว่าหรอก คือผมก็ไม่ได้ปกป้องน้อง ถ้าให้ผมได้พูดกับน้อง ผมจะบอกว่า โอเค คุณรู้แล้วว่าไม่ถูกต้องและไม่ต้องพูดกันเยอะด้วย เพียงแต่ว่าน้องไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเท่านั้นเองครับ”

เจ้าขุนได้มาขอโทษมั้ย?
“เขาก็ขอโทษบนเวทีแล้วนะ ผมนั่งดูย้อนอยู่หลายครั้งมาก กลับบ้านไปแล้วคุณพลอย ภรรยาบอกว่า กันต์ ดราม่าเต็มไปหมดเลย คนว่าน้องเต็มเลยที่แย่งไมค์ เอาจริงๆผมก็แก้สถานการณ์ไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าผมปล่อยนิ่ง ขุนจะดูแย่มาก ก็ต้องเล่นให้มันดูตลกไป ไมค์หายไปไหนวะ ไม่ได้มีเจตนาจิกกัดอะไรน้องเลย”

แสดงว่าตอนนั้นเราก็เหวอเหมือนกัน?
“เหวอจริงๆสิครับ คือผมไม่ได้เอาไมค์กลับมาแล้วน้องมาบอกว่าพี่กันต์ผมขอพูดแป๊บนึง ตอนนั้นผมพูดไปแล้วด้วย ผมอยากจะบอกนะครับว่า ฟึ๊บ ไมค์ไปแล้ว ยอมรับว่าเหวอจริงๆ ตอนนั้นต้องประมวลผลเพราะมันคือรายการสด เราจะทำยังไงต่อให้มวลทั้งหมดมันสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างสมูทที่สุด เพราะสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการประกาศผล การพูดขอบคุณสปอนเซอร์ ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่สามารถหยุดตรงนั้นได้ ไม่สามารถคัตแล้วเอาใหม่ได้ มันอยู่ที่ผมเท่านั้น”

กับประโยคที่ว่าขนาดคุณปัญญา นิรันดร์กุล ยังไม่กล้าดึงไมค์จากผมเลย?
“ไม่ดูแรงครับ ขออนุญาตพูดแค่นี้จริงๆ มันเป็นการแซวกัน น่าจะเข้าใจกันได้ แม้แต่คุณปัญญายังไม่เคยทำแบบนี้กับผมเลย ถ้ามันเป็นคำพูดที่พิมพ์มันแปลได้หลายภาษา แต่ถ้าคุณดูสีหน้าอากัปกิริยารวมไปถึงน้ำเสียงผมคุณจะรู้ว่านี่คือการพูด เพื่ออะไรเท่านั้นเอง”

กันต์ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าขุนไหม?
“ยังเลยครับ ยังไม่ได้คุยกับใครเลย”

คนจะตีความว่าพี่เจ เป็นคนจัด เลยมองว่าลูกจะทำอะไรก็ได้?
“ผมว่าพี่เจไม่ได้คิดแบบนั้นครับสำหรับผม ผมไม่ได้ปกป้องพี่เจ ในฐานะโปรโมเตอร์หรือในฐานะพี่ชายอะไรก็แล้วแต่ คือผมต้องบอกก่อนว่ารายการนี้เกิดขึ้นเพราะพี่เจ บริษัท เจมีดี กับ เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มหาชน จำกัด ได้ร่วมมือกันทำรายการนี้ขึ้นมา

เรื่องรายละเอียดผมไม่ขอลงลึกเป็นเรื่องของผู้ใหญ่คุยกันแล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่ใครจะทำอะไรก็ได้ในรายการไหน และผมว่าพี่เจไม่ใช่คนไม่ใช่มืออาชีพ เขารู้อยู่แล้วว่ามันควรจะทำอะไร เพียงแต่ว่าเขาพูดเกริ่นมาแล้วนะว่าอันนี้ในฐานะโปรโมเตอร์ อันนี้ในฐานะพ่อ คือผมว่าสุดท้ายมันคือเรื่องของพวกเราเองแล้วว่ามันอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจเรา แต่ผมว่าพี่เจเขารู้อยู่แล้วครับ มันไม่ใช่หรอกว่านี่รายการฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ คือผมว่าเขาเป็นมืออาชีพอยู่แล้วครับ”

คนมองว่าพี่เจไม่มืออาชีพ เพราะปิดความคิดเห็น และตัวเจ้าขุนเองก็ยังไม่ขอโทษ?
“อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ไม่ได้รู้ คือเมื่อวานนั่งย้อนดูไลฟ์ในเฟซบุ๊ค ในยูทูป พอดูแล้วหยุด ดูแล้วหยุดเยอะมาก และทวิตเตอร์เป็นอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว ผมเห็นแล้วตกใจ “

คนคาใจเรื่องเข็มขัดที่เกินมา?
“เข็มขัดไม่ได้เกินครับ อันนี้จะได้กระจ่างกัน คือวนการประกาศเป็นรางวัลที่โปรโมเตอร์ที่พี่เจอยากมอบให้ และถ้าจำได้คือจะมีรางวัลหนึ่งที่ผมต้องมอบให้พี่หลุยส์ พงษ์พันธ์ และพี่เจสัน ยัง แต่พี่เจสัน ยังไม่ได้มารับ เพราะฉะนั้นก็เป็นทีมงานที่มารับแทน คืออยู่ที่ทีมไวท์แล้ว แต่พอไม่ได้มารับ พูดง่ายๆ คือ ยังไม่มีใครถือ ยังอยู่ในมือของทีมงาน พี่เจเขาก็พูดว่าในฐานะพ่อนะ ขุนมานี่ลูก คือมันเป็นมวลน่ารักแบบนั้นมากกว่า

แต่มันคงอยู่ที่การตีความของเรามั้ง อันนี้ผมไม่ทราบ ผมขอไม่พูดแทนใครละกันนะครับ ผมพูดในฐานะพิธีกรและตัวแทนของรายการ 10 FIGHT 10 ละกันครับว่ามวลทั้งหมดพี่เจเป็นโปรเฟชชั้นนอลมากเพียงพอ และรายการที่ผมรับหน้าที่เป็นพิธีกร เป็นแม่ทัพของทีมงาน เป็นร้อยคน ทุกคนทำงานกันหนักมากครับ และเสียงชื่นชมไม่ควรอยู่ที่ผมคนเดียว ควรอยู่ที่ทีมงานทุกคน

ส่วนคำติ ผมก็ไม่รับคนเดียว ผมกับทีมงานจะรับด้วยกัน เพื่อทำให้มันดีขึ้น จะได้รู้ในสิ่งที่เรามองไม่เห็นว่ามันควรจะทำอะไรยังไงบ้าง ตอนนี้มีหลายข้อที่เราได้ดูเอาไว้แล้ว คู่มวยควรจะยังไง เราควรจะบอกกฏกติกาให้คนดูได้รับรู้ไหม เพราะตอนนี้คนดูรายกานนี้ ไม่ใช่แค่คนดูมวย เป็นบางคนที่ไม่เคยดูมวยมาก่อน อย่างผู้หญิงดูบอลครับ ดูแต่นักบอลหล่อ ไม่ได้รู้ว่าล้ำหน้าคืออะไร เป่านกหวีดทำไม มันจะคล้ายๆอย่างนั้น

เพราะฉะนั้นเราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เพราะนี่ต้อฝบอกว่านี่คือสิ่งที่ใหม่มาก สำหรับพวกเรา สำหรับผมเช่นกัน ผมกับทีมงานทุกคนก็พยายามทำให้มันออกมาดีที่สุด ณ ขณะหนึ่งผมกับทีมงานทุกคนก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด ณ ขณะหนึ่งที่ผมมีแรง มีสมอง มีสติจะทำได้ และผมไม่เสียใจเลย ณ ข้อผิดพลาดอะไรที่เกิดขึ้นก็แล้วแต่ เพราะมันคือรายการสด ณ ขณะนั้น “

คนมองว่าเราเศร้าเลยลงรูปคู่กับภรรยา?
“ผมรักภรรยาครับ คือเขาเป็นกำลังใจที่ดี ผมว่าคล้ายๆกับพี่แมทธิวที่ได้พูดในรายการนะ คือ เขาไม่โอเคหรอกจริงๆ ไม่มีใครโอเคที่สามีต้องกลับบ้านดึก แล้วผมก็ไม่อยากบอกว่าเป็นโรคจิต ผมก็รักงานผม นั่นคือสิ่งที่แสดงตัวตนผม ในสิ่งที่ผมทำอยู่ ผมกลับบ้านก็ยังนั่งเช็ค ยังนั่งดูย้อน ยังทำวิธีโลเทคคือกดดูแล้วก็พอส แล้วก็นั่งจดเหมือนสอบเอนทรานซ์ ดูว่าอะไรพลาด มีอะไรที่ควรจะปรับปรุง คือผมก็ทำแบบนี่ตลอดในทุกๆรายการ และคอนเทนต์ที่ทำ

มันก็เลยเป็นว่ากว่าผมจะได้นอนจริงๆ รายการเลิก 4 ทุ่ม ถึงบ้าน 5 ทุ่ม จะนอนตี 2 พอเห็นข่าว ทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก พอมาดูก็กะว่า ครึ่งชั่วโมงได้นอน กลายเป็นตี 4 กว่าได้นอน ก็เห็นใจทุกคน ผมไม่ระบุเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งทีมงานที่ตั้งใจทำงาน นักมวยทุกคน โปรโมทเตอร์ ผู้จัด โปรดิวเซอร์ ทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นมวลดี มวลร้าย เราจะรับไว้ทั้งหมด มันเป็นการติเพื่อก่อ

ผมเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้นนะ สำหรับสิ่งไม่ดีที่เป็นดราม่าเมื่อคืน ผมว่าเราทุกคนได้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นน้องเจ้าขุนเอง หรือว่าพี่เจ แม่ปิ่น น้องๆทุกคน ผมเองก็เถอะ ทีมงาน นักมวย ผมว่าเราได้เรียนรู้ว่าควรจะทำอะไร แล้วมีอะไรที่ผิดพลาดบ้าง เพื่อก่อเกิดสิ่งที่ดีในอนาคต”

หลายคนมองว่าเป็นสคริปต์?
“รายการนี้ไม่มีสคริปต์ครับ ทุกรายการของผมไม่มีสคริปต์เลย ผมสามารถการันตีได้จากปากพิธีกร “

แล้วกรณีที่เจ้าขุนโชว์นิ้วกลาง?
“ผมเห็นในทวิตเตอร์ แต่ผมไม่เห็นภาพ ณ เหตุการณ์จริง อย่างที่เมื่อกี้มันน่าจะเป็นกรณีเดียวกัน ที่ถามผมว่าเป็นการพูดที่แรงไปไหม ว่าพี่ตา ปัญญา ยังไม่ทำแบบนี้กับผมเลย พอมันเป็นคำเขียน หรือตัวพิมพ์ มันแปลได้หลายอย่าง ตามอาริยาบทของเราผู้อ่าน แต่มันต้องเห็นมวลทั้งหมด ถ้าคุณได้เห็นน้ำเสียง สีหน้า อากัปกิริยา คุณจะรู้ว่านี่คือการพูดเล่น ก็ไม่เห็น

ณ ตอนนั้นจริงๆ เพราะผมทำหน้าที่พิธีกรอยู่ ผมเห็นจากการครอปในทวิตเตอร์ว่ามันเกิดสิ่งนั้นขึ้นจริงๆ แต่ผมไม่รู้ว่ามวลที่น้องทำ ณ ตอนนั้น มันคือมวลอะไร ขออนุญาตไม่พูดแทนน้อง ผมเชื่อว่าน้องอยากจะออกมาพูดเอง “

หลังจากนี้จะคุยกับพี่เจไหม?
“ ก็คุยกันเป็นปกติอยู่แล้วครับ ต่อให้ไม่ทำรายการนี้ร่วมกัน เขาเป็นคนชอบรถ ชอบนาฬิกา เราก็คุยกัน พอได้มาทำรายการนี้ ก็กลายเป็นสนิทกับลูกเขาเข้าไปอีก ไม่มีเรื่องอะไรบาดหมางแคลงใจหรืออะไรกัน “

เจและปิ่นติดต่อกันมาไหม?
“ยังครับและผมว่าไม่ จริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องติดต่อมาทำไม (ยิ้ม) หมายถึงมันไม่มีประเด็นที่เกิดอะไรกับผม ซึ่งผมว่าเราก็เห็นดราม่าทั้งหมดแล้วมันไม่เกี่ยวกับผมหรอก ผมว่ามันเกิดจากสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น และผมว่าเดี๋ยวคงมีการออกมาพูดคุยกันเอง ผมอยากให้แต่ละฝ่ายเป็นคนพูดกันเอง ผมไม่อยากพูดแทนใครเลย เพราะผมเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนมีความเครียด

ผมเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันก่อให้เกิดความเครียดกับหลายๆฝ่ายที่ถูกระบุอยู่ในนั้นอยู่แล้วผมก็ขอพูดในมุมที่เป็นหน้าที่พิธีกร และมุมของเวิร์คพอยท์แล้วกันครับว่าเราทำได้ดีที่สุด ณ ขณะนั้นแล้วจริงๆ เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่ผมไม่ได้ถือว่ามันเป็นข้อผิดพลาดอะไรนะเพราะมันคือรายการสด ผมทำได้ดีที่สุดแล้ว และทีมงานทำได้ดีที่สุดแล้ว ณ ขณะนั้นจริงๆ”

คนชมกันต์แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี?
“ผมก็…สำหรับผมมันคือหน้าที่พิธีกร เป็นหน้าที่อยู่แล้วและผมเชื่อว่าต่อให้เป็นพิธีกรคนอื่น อันนี้อ่านทวิตเตอร์เหมือนกัน ถ้าเป็นคนนั้นคนนี้จะต้องไม่อย่างนั้นอย่างนี้แน่เลย ผมเชื่อว่าจริงๆถ้าเป็นรายการสด ณ ขณะนั้นมันจะอัตโนมัติคุณจะต้องคิดเอง

ผมใช้คำว่าแลนดิ้งแล้วกัน เราอยากจะไปลงจอดตรงไหน แต่ละคนจะมีวิธีการกระทำที่แตกต่างกัน แปลว่าเรามีวิธีการแตกต่างกัน แต่จุดหมายปลายทางมันต้องแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ออกมาดีที่สุด เพราะคนอื่นอาจจะไม่ทำแบบผม อาจจะดีกว่าผมก็ได้เพื่อก่อให้เกิดมวลที่ดีกว่านี้ ผมทำได้เท่านั้นจริงๆ”

เป็นห่วงเจ้าขุนไหม?
“เป็นห่วงมาก ผมกับภรรยาก็คิดว่าขุนจะเป็นยังไงบ้าง กลายเป็นว่าผมระวังไปเลย ผมอยากจะลงรูปกับน้องว่าไม่ต้องคิดมากนะ กลัวจะเป็นดราม่าอีก แบงค์ก็แมสเสจมาบอกว่าผมเต็มที่แล้ว เดี๋ยววันหลังเจอกัน ผมก็เจอกันน้อง พอจะมาลงรูปกับแบงค์ก็ต้องลงรูปกับเจ้าขุน เดี๋ยวภรรยาคิดมากอีก ลงรูปกับภรรยา (ยิ้ม) สรุปว่าไม่ลงเลยดีกว่า แต่สุดท้ายไม่มีใครหมางใจกับใคร แบงค์กับเจ้าขุนเป็นเพื่อนกัน ทุกคนรักกันดี ทุกอย่างผมขอไม่พูดแทนใคร แต่ขอพูดในมุมของผมและทีมงานเวิร์คพอยท์แล้วกันครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน