‘แพท’ ตื่นเต้น ส่ง ‘เรซซิ่ง’ ไปโรงเรียนวันแรก เผย ‘เบนซ์’ เห่อลูกมาก ถ่ายรูปทุกโมเมนต์

เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม นางเอกสาว แพท ณปภา ตันตระกูล ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน “BABY BRIGHT PRESENTS COLORS OF NATURE” ถึงการไปโรงเรียนวันแรกของน้องเรซซิ่ง ที่มีแม่แพท และพ่อเบนซ์ แอบไปตามดูลูก พร้อมเผยถึงโมเมนต์การพบเจอญาติฝั่งคุณแม่ครั้งแรก รวมทั้งการเจอน้องชายครั้งแรกเช่นกัน ถึงกับยอมรับว่าตื่นเต้นมากที่ได้เจอ ส่วนน้องชายก็ตะลึงที่มีพี่สาวเป็นถึงดารา จนไม่กล้าที่จะทักพี่สาวน้องเรซซิ่งไปโรงเรียนวันแรกเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตื่นเต้นทั้งแม่ทั้งลูกค่ะ เพราะเราคิดไว้อยู่แล้วว่าลูกเราจะต้องไม่มีโมเมนต์ร้องไห้ หรืออาลัยอาวรณ์แม่ และที่สำคัญลูกเรา ตอบได้แค่คำว่า ‘Yes’ ซึ่งถือว่านางฉลาดมาก เพราะไม่ว่าคุณครูจะถามอะไรนางก็ตอบ ‘Yes’ ทั้งหมด จนแพทเองก็เหวอ คือเเบบเขาทำได้ (ยิ้ม) และหลังจากเขาเข้าห้องเรียนไปก็ไม่เหลียวหลังมาหาแพทเลย ขนาดเราพยายามเรียกให้เขาหันมามอง เขาก็ยังโบกมือบ๊ายบาย อารมณ์ประมาณว่าทำไมแม่ไม่กลับสักที ลูก ลูกนี่แม่นะ (หัวเราะ) ก็คือไม่ร้องไห้เลยค่ะ”

“ส่วนเรื่องเวลาตอนที่ไปรับกลับ จริงๆ เขาเลิกเรียนตอนบ่าย 2 แต่แพทไปรอเขาตั้งแต่บ่ายโมง ซึ่งคุณครูก็เล่าให้ฟังว่าน้องไม่ร้องไห้เลย คึกคักตลอดทั้งวัน เต้นไม่มีหยุดเลยจริงๆ แถมยังชวนเพื่อนๆ เต้นด้วย พลังงานเยอะมาก สำหรับเรื่องการเตรียมตัวไปโรงเรียน คุณครูก็บอกว่าคุณแม่ขาดของใช้ของน้องหลายอย่างเลย อย่างเช่น คุณแม่มีที่นอนกับหมอนก็จริง แต่ว่าคุณแม่ไม่มีผ้าห่มให้น้อง คุณแม่ไม่มีรองเท้าสลิปเปอร์ให้น้อง คุณแม่ไม่มีชุดนอนให้น้อง คุณแม่ไม่มีแปรงสีฟันให้น้อง และก็ฝากให้คุณแม่ช่วยเตรียมของทั้งหมดมาด้วยในวันพรุ่งนี้ (หัวเราะ) ก็รับปากคุณครูไปแล้วค่ะว่าพรุ่งนี้จะเตรียมตัวไปให้ดีที่สุด”

ปกติเราเป็นคุณแม่ที่ติดลูกมาก ความรู้สึกเป็นยังไงบ้างตอนเข้าไปโรงเรียน?
“เป็นวันที่รู้สึกว่าเหงาค่ะ เวลาอยู่ในรถคนเดียวมันก็เงียบ ไม่มีเขามาคอยถามนู่นนั่นนี่ เพราะเขาไปโรงเรียน ก็อย่างที่บอกไงคะรีบไปรับเขาตั้งแต่บ่ายโมงเลย (ยิ้ม)”

หลังจากเลิกเรียนแล้วได้ถามน้องไหมว่า เป็นยังไงบ้างกับการไปโรงเรียนวันแรก?
“ถามค่ะ เขาก็บอกว่าไม่ร้องไห้ สนุก จะไปโรงเรียนอีก ยืนยันแล้วว่ายังไงพรุ่งนี้ก็จะไปให้ได้ ซึ่งในมุมของเราเอง เราก็ได้รับรู้ถึงมุมของแก๊งผู้ปกครองที่เราไม่เคยรู้มาก่อน มีกลุ่มแชทผู้ปกครอง มีกลุ่มแม่ๆ ที่พูดคุยเรื่องขนม(ยิ้ม)”

ตอนไปส่งเขาที่โรงเรียนมีโมเมนต์น้ำตาคลอบ้างไหม?
“แค่เกือบๆ ค่ะ แต่ด้วยความที่ลูกเราตลกไง เพราะเขาไม่เหลียวหลังมาหาเราเลย แถมวันนี้ก็เป็นวันที่คุณพ่อเขาไปส่งด้วย เรายังคุยกับคุณพ่อเขาเลยว่า ลูกไม่มองเราเลยจริงๆ นะ ซึ่งคุณพ่อเขาก็ตอบกลับมาว่า ลูกคงจะเบื่ออะไรเดิมๆ แล้ว”

แสดงว่ามีการนัดกับเบนซ์เพื่อจะไปส่งลูกที่โรงเรียนถูกไหม?
“ใช่ค่ะ มีการนัดกันและไปเจอกันที่โรงเรียน นางเห่อกว่าเราอีก นางถ่ายรูปลูกทุกโมเมนต์ นางถ่ายหมด เยอะ ส่วนเรื่องที่เขาจะไปส่งลูกที่โรงเรียนทุกวันไหม อันนี้ก็แล้วแต่เขา แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับเราด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าหากเรามีงานแม่ลูก เราคงต้องลา แล้วก็ไปบอกเขาว่าลูกไปหรือไม่ไป หรือถ้าวันไหนที่เขาสะดวกไปรับก็ให้เขาไปค่ะ คือแล้วแต่เขาเลย หากเขาสะดวกก็ให้เขาทักมา”

นอกจากเป็นการเปิดโลกของลูกแล้ว ยังเป็นการเปิดโลกของเราในฐานะคุณแม่ด้วย?
“ใช่ เอาจริงๆ นะเราไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องแต่งตัวยังไงเพื่อไปรับไปส่งลูก โดยที่ให้ตัวเองดูเป็นคุณแม่ และไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง ซึ่งมันไม่ได้มีการแต่งตัวแข่งกันอะไรเลยนะคะ แต่เราแค่กลัวว่าเราจะดูไม่เหมือนคุณแม่ก็เท่านั้นเอง ตลก ขนาดลูกเรายังแต่งตัวแน่นเลย เรซซิ่งแต่งตัวนานจนเพื่อนถามว่ามาเรียนหรือมาเดินแฟชั่นโชว์ (หัวเราะ) คือเราไม่รู้ไงคะ เราฟิตติ้งกันสองคนแม่ลูกตอนกลางคืนก่อนไปโรงเรียน มันก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ลืมของใช้บางอย่างของลูกไง”

เรื่องค่าเทอมเรากับพี่เบนซ์จัดการกันอย่างไร?
“เราแบ่งกันคนละครึ่งค่ะ คือมันเป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่อยู่แล้วที่อยากให้ลูกเรียนอินเตอร์ แต่อจะให้เขาทดลองไปก่อน 4 ปี ถ้าหากแม่สามารถไปต่อไหว เราก็จะไปค่ะ”

ขออนุญาตถามถึงข่าวคราวการสูญเสียคุณแม่?
“เรื่องคุณแม่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ของเราเหมือนกันค่ะ เพราะเราไม่เคยรู้รายละเอียดเลยเกี่ยวกับคุณแม่ แต่โชคดีที่ญาติฝั่งคุณแม่ รวมถึงน้องชายเข้ามาช่วยดูแลให้หมดเลย ในขณะที่ตัวเราเองก็ช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไป ช่วยกันเต็มที่ค่ะ สำหรับบรรยากาศตอนที่เดินทางไปหาท่าน ยอมรับค่ะว่าตื่นเต้น เพราะเราไม่เคยเจอญาติฝั่งคุณแม่เลยแม้แต่คนเดียว และไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีน้องชายด้วย ถามน้องชายยังอายุห่างจากเราแค่ 1 ปีเอง คือเป็นวันแรกเลยจริงๆ ที่ได้เจอญาติ เจอครอบครัวของคุณแม่ทั้งหมด”

“ตอนแรกน้องชายเขาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยเหมือนกันว่าเขาจะมีพี่สาว คือเขารู้รายละเอียดแค่ว่าเขามีพี่เป็นดารานะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะเขาไม่เคยเห็น แถมเราทั้งคู่ยังไม่เคยติดต่อกันมาก่อน กระทั่งวันหนึ่ง น้องสาวของคุณพ่อถามเขาขึ้นมาว่า ‘ปอนด์รู้สึกอย่างไรบ้างที่มีพี่สาว’ ตอนนั้นเขาก็ตอบกลับไปว่า ‘แค่มีพี่สาวเขาก็ตื่นเต้นแล้ว แต่นี่พี่สาวผมยังเป็นดาราอีก ผมเลยยิ่งไม่รู้ว่าจะต้องพูดกับพี่คำแรกอย่างไร’ วันนั้นเราก็เลยบอกเขาไปว่า ‘ไม่เป็นไร เราก็คุยกัน ทักกันปกตินี่แหละ’ ทุกวันนี้เราก็ยังมีการติดต่อกันอยู่บ้างค่ะ เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งจะทำบุญครบรอบ 7 วันไป แต่เดี๋ยวจะต้องมีการทำบุญ 100 วันอีกที”จะมีโอกาสไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้นไหม ?
“อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับทางเขาด้วยเหมือนกัน เพราะเราก็ชวนเขามา เนื่องจากเราเองไม่ค่อยว่าง แถมเขาอยู่แถวๆ เชียงรายด้วย ถือว่าค่อนข้างไกล เราก็เลยบอกกับเขาไปว่า ถ้าหากว่างเมื่อไหร่ก็มาหาเราที่บ้านได้เลยนะ มาอยู่กับเราที่บ้านได้เลย ดีใจมากค่ะ ที่น้องเป็นคนเก่ง ดีใจแทนคุณแม่มากๆ สามารถพูดได้เลยว่าคุณแม่สบายใจได้แล้ว เพราะลูกคนโตก็สามารถเอาตัวรอดได้ ส่วนคนที่สองก็เก่งมาก เขาเป็นถึงผู้รับเหมา”

แสดงว่าเราอยากให้น้องมาอยู่กับเราที่บ้านด้วย ?
“น้องเขามีครอบครัวแล้วค่ะ แต่ถ้าหากเขาได้มีโอกาสมาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็อยากจะให้เขามาสนุกสนานกับครอบครัวที่นี่ มาพบปะกับครอบครัวของเรา”

ตอนที่เราเจอคุณแม่ครั้งแรกความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ?
“มันก็เหมือนเป็นทั้งวันแรกและวันสุดท้ายนะคะ มันก็มีความรู้สึกช็อกอยู่นิดหน่อย วันนั้นก็ถามคุณตาคุณยายเหมือนกันค่ะว่า ทำไมคุณแม่ถึงเลือกที่จะไม่บอกเราว่าท่านกำลังป่วย ทั้งๆ ที่เราก็ส่งข้อความแชทพูดคุยกันตลอด แต่คุณแม่ไม่เคยพูดอะไรให้ฟังเลยเกี่ยวกับอาการป่วยของท่าน และไม่เคยส่งรูปตอนที่ท่านป่วยให้ดูเลยด้วย รูปส่วนใหญ่ที่คุณแม่ส่งมาให้ดู จะเป็นรูปสมัยที่ท่านยังสาว หรือตอนที่ท่านยังไม่ป่วย”

“วันนั้นคุณตาคุณยายก็ให้คำตอบว่า คุณแม่ท่านไม่อยากให้เรารู้ แถมช่วงที่เราเริ่มคุยกับแม่ก็เป็นช่วงที่ท่านเริ่มเดินไม่ค่อยไหวแล้วด้วย เหมือนท่านไม่อยากให้เราเห็นว่าท่านไม่ค่อยสบาย คุณตาคุณยายยังบอกอีกว่า แม่ยังเคยไปแอบดูเวลาแพททำงานที่พัทยาเลย แต่แม่ไม่เคยบอกอะไรแพท เหมือนท่านไม่อยากให้เราเห็นจริงๆ กระทั่งในช่วงวินาทีสุดท้ายคุณตาคุณยายบอกว่าคุณแม่อยากเจอเรา”

เราได้บอกอะไรกับคุณแม่บ้างในวันที่ไปส่งท่าน ?
“ขอบคุณคุณแม่ค่ะ ขอบคุณที่ยังนึกถึงและยังมีกันและกันมาเสมอ ขอบคุณคุณแม่มากๆ ที่คุณแม่ทำให้แพทมีโอกาสได้ทำหน้าที่ของลูกในวันสุดท้าย”

อัพเดตอาการป่วยของคุณย่าบ้าง ล่าสุดเห็นเราบอกว่าท่านอาการดีขึ้นมาก ?
“ใช่ค่ะ คือเป็นวันที่ช็อกกันทั้งบ้านเลย เพราะที่ผ่านมาเราดูแลท่านแบบเป็นปกติทุกวันๆ จนลืมไปเลยว่าท่านชอบอะไร กระทั่งได้มีโอกาสคุยกับคุณพ่อ และคุณพ่อบอกว่าสมัยก่อนคุณย่าชอบฟังเพลงจีนมาก หลังจากนั้นเราก็เลยเปิดเพลงจีนให้ท่านฟังอยู่บ่อยๆ ซึ่งในวันนั้น วันที่เราช็อกนี่แหละ มันเหมือนกับว่าท่านอยากจะร้องเพลง คล้ายๆ จะขยับปากเหมือนจะพูดกับเรา ท่านจับมือเรา ดึงมือเรา จนเราแบบตกใจมาก เพราะเราไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มานานมากแล้ว”

“วันนั้นเป็นวันที่ทุกอย่างดีมากๆ ค่ะ จนตัวเราเองยังมือสั่นเลย ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพนั้น แต่ทุกวันนี้ ชื่นใจมากๆ เพราะที่ผ่านมาเราจะพูดกับย่าตลอดว่าเมื่อไหร่ย่าจะตอบเรานะ เพราะเราอยากจะให้ท่านพูดกับเราได้ ไม่ว่าจะพูดคำว่าอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ท่านพูด แต่ถึงยังไงก็แค่ท่านอยู่กับเรา เป็นกำลังใจให้เรา ได้เห็นท่านกินข้าวทุกๆ วัน เราก็มีความสุขมากแล้ว”


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน