กัน นภัทร เผยใกล้ 30 แม่ไม่อยากให้รีบแต่ง รับเคยคิดเลิก มารี แต่ขอจับมือสู้ต่อ

วันที่ 24 ต.ค. กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ มาร่วมงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต มาย บอยเฟรนด์ คอนเสิร์ต ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ หลังจบงานนักร้องหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องงานวันเกิดที่ผ่านมา พร้อมทั้งอัพเดตเรื่องความรักกับ มารี เบรินเนอร์

กัน

กัน นภัทร

งานวันเกิดที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?

“เป็นวันเกิดที่ชื่นมื่นอีกปี เพิ่งจัดไปเมื่อวานนี้กับแฟนคลับ เป็นคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นทุกปีอยู่แล้ว ได้เจอแฟนคลับที่มาจากต่างจังหวัดไกลๆ บางคนมาจากต่างประเทศ ก็มาเจอกันปีละครั้ง และนำเงินส่วนหนึ่งให้กับน้องๆ บ้านราชาวดีชาย และทำบุญกับคุณพ่อคุณแม่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายๆจัดมินิคอนเสิร์ตกับแฟนคลับ ปีนี้มีน้อง มารี มาเป็นแขกรับเชิญมาขึ้นคอนเสิร์ตด้วย”

ทำไมเราถึงเลือกที่จะช่วยเหลือ บ้านราชาวดี?

“เราถามกับแฟนคลับ คือมันมีหลายที่ ซึ่งแต่ละปีเราก็หาที่ทำบุญแตกต่างกันไป ให้เราได้ทำบุญช่วยเหลือส่วนต่างๆ ในปีนี้เรารู้สึกว่าเด็กที่เขามีความพกพร่องทางสติปัญญา เราอยากไปมีความสุขกับเขา ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือเขา ผมเลยเลือกที่นี่ พอไปแล้วเรารู้สึกว่าทำไมเด็กๆ ที่นี่เขาถึงมีความสุขมากๆ มารู้ว่าเขามีพี่ๆ ที่คอยจัดกิจกรรมสร้างความสุขให้กับพวกเขา”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

อายุจะ 30 แล้ว?

“ใช่ อีกปีเดียว มีความรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผมอายุจะ 30 แล้ว แต่ผมจะไม่ยอมแก่ จะทำตัวเป็นเด็กไปตลอด แต่ยังไงก็ต้อง 30 รู้สึกว่าพออายุขึ้น 30 แล้วเหมือนคนแก่ เราไม่อยากแก่ แล้วมีแต่คนบอกว่าพอขึ้น 30 ปุ๊บ อายุมันจะไปเร็วมาก ผมกลัวแก่”

อายุจะ 30 แล้ว ที่ผ่านมามันให้อะไรกับเราบ้าง?

“เยอะมาก ชีวิตที่ผ่านมา เหมือนผ่านสงครามโลกมากๆ ล้อเล่น(หัวเราะ) มันมีประสบการณ์ที่ดี และไม่ดี และทำให้เราได้เรียนรู้ว่าแต่ละวัน สิ่งที่เราผ่านมา มันก็ทำให้เรารู้ว่า ต่อไปเราจะทำชีวิตในแต่ละวันของเราต่อไปดีขึ้นไปๆเรื่อย”

“มันทำให้เรากว่าอายุมากๆ หน้าตาไปมากกว่าอายุอยู่แล้วอันนี้มีคนบอก(หัวเราะ) แต่ประสบการณ์ผมมั่นใจว่าบางคนอายุเท่าผม แต่ประสบการณ์ยังมีไม่เท่าผม เพราะว่าเราทำงานในวงการเจอคนเยอะมากๆ มีเรื่องต่างๆ ให้เราได้เจอ และแก้ปัญหาต่างๆ ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น 29 ปีนี้ มันเป็น 29 ปีที่ทำให้เราแข็งแกร่งมากๆ ผมเหมือนหินผา ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรเข้ามา เราจะสามารถฝ่าฟันมันไปได้”

“ผมโชคดี ที่เจอสิ่งดีๆมาตลอด ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น มีผู้ใหญ่ที่คอยซัพพอร์ตและให้โอกาสเรา หลายๆคนที่ผมได้เจอเขา รวมถึงแฟนคลับที่น่ารักทุกๆคน 9 ปีที่เราอยู่ตรงนี้ เหมือนเขาเป็นเหมือนเกาะกำบังให้เรา ไม่ว่าเราจะเจอ อะไรก็ตาม เขาก็จะคอยให้กำลังใจเรา บางที่ผมผิด เขาก็จะทำเป็นถูก(หัวเราะ) ทุกคนจะให้กำลังใจเราเสมอ เรามีข่าวไม่ดีออกไป เขาก็จะบอกสู้ๆนะ อันนี้คือสิ่งสำคัญมากๆ และสิ่งต่างๆที่มันเป็นบทเรียนให้กับเรา และแก้ไขให้มันดีขึ้น”

วางแผนอนาคตข้างหน้าอย่างไรบ้างจะ อายุ 30 แล้ว?

“ทุกวันนี้เราทำงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่วันนึงความนิยม มันก็ลดลงตามอายุอยู่แล้ว คงต้องหาธุรกิจอะไรทำ เผื่อวันนึงเราจะได้พักจากตรงนี้ แล้วไปดูแลธุรกิจเรา มีเงินกำไร จากธุรกิจเราเดือนละแสนสองแสน ไว้ประทังชีวิตเราอยู่ได้ ผมคิดอย่างนี้จริงๆ ผมคิดว่าผมจะเก็บตังค์ก้อนใหญ่ๆ เอาเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟบ้านเราที่สุพรรณฯ แล้วก็นอนสบายๆอยู่บ้าน กินวันละไม่กี่บาท (หัวเราะ)”

ทำธุรกิจไหม?

“ถ้าจะทำธุรกิจต้องปรึกษามารีเพราะเขาเป็นคนที่หัวไวมาก เจออะไรก็มองเป็นธุรกิจไปหมด ตอนนี้คิดจะทำเสื้อคู่ เพราะตอนนี้มานิดหน่อย เราก็กลัวจะไปเร็ว ต้องรีบทำก่อน(หัวเราะ) อันนี้หมายถึงกระแส(หัวเราะ)”

ไม่กลัวว่าถ้าทำธุรกิจร่วมกันแล้วจะมีปัญหา เพราะทุกวันนี้ก็ตีกันอยู่แล้ว?

“น่าจะไม่ตีกันครับ เพราะเขาเป็นคนที่ยอมผมเสมอ(หัวเราะ) การทำธุรกิจด้วยกัน มันต้องสื่อสารกันให้ดี มันต้องถึงจุดนึงที่เชื่อใจกันแล้ว ถึงจะทำธุรกิจด้วยกันได้ ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่เร็วๆนี้”

ตอนนี้ไม่เชื่อใจเขาหรอ?

“เชื่อใจแต่ในเรื่องธุรกิจมันต้องใช้ความอะไรอีกนิดหนึ่ง อีกปีสองปีค่อยว่ากัน แต่ว่าที่แพลนไว้อยากจะเปิดขยายสาขาร้านเขา ซึ่งผมไม่อินอะไรกับการต่อขนตาอะไรขนาดนั้นไง แต่ว่าถ้าเกิดเปิดร้านอะไรที่มันคู่กับการต่อขนตาได้ ที่ให้ผู้ชายเข้ามาได้ อย่างตัดผม อันนี้คือเขาคิดนะ เขาฉลาดมากคือข้างล่างเป็นร้านตัดผม ข้างบนเป็นร้านต่อขนตา”

เราขอไปเป็นหุ้นเล็กๆ?

“ไม่ๆ หุ้นใหญ่ครับ แต่ออกเงินน้อย แต่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ (หัวเราะ) เก็บตังค์ให้เขา”

วันเกิดเขาให้อะไร?

“เขาให้เป็นสกูตเตอร์ ซึ่งเขาลงสตอรี่ไปแล้ว เป็นรถสกูตเตอร์ ซึ่งเขารู้สึกว่าบ้านผมที่สุพรรณฯมีพื้นที่เป็นถนนยาวเข้าบ้าน น่าจะเล่นได้สนุก แล้วเป็นร้านที่เราเคยไปดูกันมา แล้วเขาใส่ใจ จำได้ว่าเราชอบเลยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด มีเซอร์ไพรส์ก่อนด้วยว่าเปิดกล่องเล็กก่อน กล่องเล็กเป็นหมวก แล้วให้ใบ้ว่ากล่องใหญ่คืออะไร ซึ่งเราก็รู้แล้วล่ะ จริงๆ เขาให้อะไร ผมก็ชอบหมดแหละครับ”

เขาบอกว่าคิดนานมากว่าจะให้อะไร?

“เพราะว่าผมชอบเยอะ หลังๆ ผมชอบกระบองเพชร จะเป็นความชอบที่หลากหลาย เขาก็จะตัดสินใจยากว่าจะซื้ออะไรให้ผมดี แล้วมีเขียนการ์ดด้วยว่าปีหน้าจะทำให้ดีกว่านี้นะ”

ย้อนกลับไปวันที่เขาบุกไปที่บ้าน เพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดเราเป็นคนแรก?

“ตอนนั้นไม่รู้เลย เพราะว่าผมคุยไลน์กับเขาว่าให้รีบนอนนะ เพราะว่าวันรุ่งขึ้นมีงานแต่เช้า ต้องไปทำบุญแต่เช้า เขาก็บอกว่าจะนอนเหมือนกัน เขาก็ถ่ายรูปกับแมวเขาส่งมาให้ดู เราก็โอเค แล้วก็โผล่มา(หัวเราะ) ขึ้นมาด้วยเสียงแรกเพี้ยนๆ มานี่คือรู้เลย แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู เสียงเพี้ยนมาแบบนี้รู้แหละ มารี เบรินเนอร์(หัวเราะ) เขาร้องเพลงไม่เพี้ยนนะ แต่ร้องเพลงไม่เพราะ (หัวเราะ) ก็ต้องฝึกกับผม ต้องฝึกให้เขาร้องเพราะให้ได้ในสักวันหนึ่ง”

แต่ให้เขาขึ้นโชว์ร้องในวันเกิดด้วย?

“ใช่ แต่ก็ยังไม่เพราะอยู่ดี(หัวเราะ) แต่ไม่เพี้ยนนะ ผมมั่นใจเลยว่าใครจะจ้างมารีไปร้องเพลงจ้างได้เลย ไม่เพี้ยน ไม่ผิดหวังแน่นอน”

พ่อแม่ให้สัมภาษณ์ว่าเปิดโอกาสเต็มที่หากเรามองอนาคตถึงการแต่งงาน?

เขาคงเชื่อใจเราแหละ เพราะเราก็อายุประมาณหนึ่งแล้ว จะอายุ 30 ปีแล้ว ถามว่าแต่งเลยไหม ยังไม่รีบครับ แม่ยังไม่อยากให้รีบแต่ง”

แม่มีดูฤกษ์ให้ไหมว่าแต่งอายุเท่าไหร่ดี?

“ยังไม่ได้ดูๆ แต่แม่ดูเลิก (หัวเราะ) ไม่ใช่ แม่ชอบดูฤกษ์งามยามดี”

จริงๆ คู่รักเราคิดไว้ไหมว่าจะไปถึงขั้นนั้น?

“เหอะ…ตอนแรกคิด ตอนแรกที่ใหม่ๆ เลยอ่ะ ช่วงโปรโมชั่น ยอมรับว่าคิดครับ ช่วงที่ไม่ทะเลาะกัน คิดเลยว่าอีก 2 ปีไหม อะไรไหม พอหลังๆ พอเริ่มมีปัญหา เริ่มมีความขัดแย้งเกิดขึ้น เป็นปกติของคนที่คบกัน มีเรื่องทะเลาะกันแน่นอน ก็แบบไม่คิดดีกว่า ให้ทุกวันมันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก่อน ให้มันได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ ผมว่าพอวันหนึ่งที่มันอยู่ตัวแล้ว วันหนึ่งที่ทะเลาะกันยังไงก็ไม่เลิกกันแล้ว ผมว่าค่อยคิดทีหลัง”

ยังมีเสียงแว่วเวลาทะเลาะกันว่าเลิกดีกว่าบ้างไหม?

“ไม่ๆ มันมีแบบวืบๆ ขึ้นมา แต่ว่าสู้ดีกว่า เพราะว่าถ้าเกิดคิดว่าเป็นคนนี้ก็ต้องเป็นคนนี้ เพราะปัญหามันเกิดอยู่แล้ว”

กัน

กดดันไหม เพราะคู่เราก็โดนจับตามองตั้งแต่ออกตัวแล้ว?

“กดดันไหม กดดันประมาณหนึ่ง รู้อยู่แล้วว่าถ้าวันหนึ่งเราคิดว่าเราจะเลิก มันก็ต้องเลิกถ้ามันไม่ใช่จริงๆ มันจะมานั่งว่าถ้าเลิกคนจะต้องมารุมด่าเราแน่นอน อันนั้นคือมันก็แค่วันหนึ่งที่ผ่านไป เอาชีวิตเราดีกว่าว่าเรามีความสุข แต่คือผมยังไม่ถึงจุดนั้น ผมรู้สึกว่าผมอยากสู้ดิ อยากจะทำให้ดีที่สุดในทุกวัน ตอนนี้พอสู้มาแล้วมันคุ้มกับที่เราสู้มา เมื่อก่อนนี้เจออะไรที่หนักหน่วงมาก แต่ว่าถ้าเราไม่สู้มัน เรายอมแพ้ แล้ววันหนึ่งเราไปเจอคนอื่นก็ต้องสู้อยู่ดี สู้เราสู้ไปกับคนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

อะไรที่ทำให้อยากสู้ไปกับคนนี้?

“เขามีข้อดีเยอะ ข้อดีเยอะมากๆ ในส่วนที่เขารับข้อเสียเราได้ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของเขา ใส่ใจดูแลผม ทุกวันนี้เวลาผมไปงาน เขาก็จะคอยดูแลเรื่องเสื้อผ้า หน้าผมว่าอันนี้โอเคไหม แต่งตัวแบบนี้ เขาก็จะคอยบอกว่าที่รักจะต้องใส่แบบเนี๊ยบๆ ที่รักเป็นคนหน้าแบบนี้ใส่เยอะไม่ได้ เขาจะใส่ใจแบบนี้เสมอ แล้วก็ให้เกียรติเรา ไปเจอเพื่อนๆเรา ไปเจอพ่อแม่เราที่บ้านสุพรรณฯ คือผมจะเห่อบ้านมากช่วงนี้ และจะชอบกลับบ้านบ่อยๆ บางทีเขาคิดถึงก็จะตามไปด้วย”

เขาเองก็ปรับเยอะเหมือนกันพอมาคบกับเรา?

“ใช่ครับ ผมเองก็ปรับเยอะเหมือนกัน อย่างที่เคยบอกไปว่าเรามาจากคนละโลก สังคมเขาสังคมเราต่างกันเลย ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าผมก็ไปเจอเพื่อนๆ เขาได้เยอะขึ้น บางคนก็รู้สึกแบบคุยกันถูกคอมากขึ้น ไม่คิดว่าเราจะคุยกับเขาได้รู้เรื่อง แต่ก็คุยรู้เรื่อง ก็ดี เราก็ได้เพื่อนเพิ่มมากขึ้น”

กัน

มารี เบรินเนอร์

อะไรที่เรารู้สึกว่าเราปรับตัวเพื่อเขา?

“เรื่องการไปเจอสังคม เพราะผมเป็นคนไม่เข้าสังคม พอเราได้เปิดสังคมกับเขา ไปเจอเพื่อนเขามากขึ้น เราก็ได้สังคมมากขึ้น มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร กับการที่เราไปเที่ยวกลางคืนบ้าง แต่ว่าเราเป็นคนไม่ดื่ม เราก็ไปนั่งเฝ้าเขา ก็เป็นอีกอารมณ์ที่วันหนึ่งเราก็ต้องเจอ เมื่อเรามีครอบครัว ก็ต้องดูแลคนที่เรารักให้ได้”

จากตอนแรกที่มุ่งมั่นว่าเป้าหมายความรักครั้งนี้ปลายทางคือการแต่งงาน แล้วตอนนี้ล่ะ?

“ตอนนี้อยู่กับปัจจุบันครับ ตอนแรกอยู่กับอนาคตมาก ยิ่งคาดหวังมาก พอวันหนึ่งมันไม่ใช่ มันจะเจ็บมาก เพราะฉะนั้นอยู่กับปัจจุบันดีกว่า”

อ่านข่าว : กัน-ณภัทร ควง มารี เคลียร์ปม ปิดไอจี ทำชาวเน็ตงง ทะเลาะกัน หรือรักหมดโปรฯ

ขอบคุณรูปจากไอจี gunnapat23

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน