‘ริชชี่’ขอบคุณโอกาส
ได้พิสูจน์ฝีมือการแสดง
คอลัมน์ อาทิตย์ใส
‘ริชชี่’ขอบคุณโอกาส – กําลังเป็นที่จับตามองกับการถ่ายทอดบทแฝด ชาย-หญิง ‘ขวัญเอย-ขวัญมา’ ในละคร “ซ่อนเงารัก” ทางช่อง 3 สำหรับนางเอกสาว ‘ริชชี่’ อรเณศ ดี คาบาเลส ซึ่งถูกชื่นชมเป็นอย่างมากในฝีมือการแสดงที่พัฒนาขึ้นมาก จากที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงแรกๆ เข้าวงการว่าการแสดงแข็ง
★ หลายคนชื่นชมการแสดงบทแฝด ‘ขวัญเอย-ขวัญมา’ ในละคร “ซ่อนเงารัก”?
ริชชี่ – “ดีใจค่ะที่ทุกคนเชื่อและเปิดใจในเรื่องเพศของตัวละคร เพราะริชเล่นเป็นผู้ชายจริงๆ เลยค่ะ ตอนแรกกังวลว่าเขาจะเชื่อมั้ย ด้วยเราเป็นผู้หญิง แต่พอดูกระแสตอบรับแล้ว คนแยกออกว่าคนนี้ผู้ชาย อีกคนคือผู้หญิง หายเหนื่อยเลยค่ะ รู้สึกมีกำลังใจ ดีใจที่คนดูอินและเชื่อว่าเป็นสองคน มีคนถามมาเยอะว่ามีแฝดจริงๆ เหรอ (หัวเราะ) หนูไม่มีแฝดค่ะ”
“ตอนแรกที่เห็นบทก็รู้สึกว่าเราจะเล่นเป็น ผู้ชายจริงๆ เหรอ ทำไมเขาไม่เอาผู้ชายจริงๆ มาเล่น แต่มันคือ ซ่อนเงารัก เป็นแฝดต้องสลับตัวกัน เลยเป็นงานของเราจะทำยังไงให้คนเชื่อว่าเราเป็นผู้ชายกับผู้หญิง แล้วเล่นให้เขาดูออกด้วยว่ามีสองตัวจริงๆ มีขวัญเอยกับขวัญมาจริงๆ ถามว่าบทไหนยากกว่ากัน ริชเวิร์ก ช็อปบทผู้ชายเยอะมาก ด้วยกายภาพเราไม่ใช่ผู้ชาย จริงๆ บทผู้หญิงก็ยากมากเหมือนกัน เพราะมันคือจริตของความเป็นผู้หญิงจริงๆ ที่เขาต้องมี ซึ่งก็ห่างกับเราอยู่ (หัวเราะ) เลยกลายเป็นว่าหนักทั้งสองตัวละครเลย”
★ คนชมฝีมือแสดงดีขึ้นมาก ไปได้วิชาจากไหน?
ริชชี่ – “น่าจะด้วยประสบการณ์ พอเริ่มเล่นเรื่อง หน่วยรักสลับเลิฟ ของพี่พุดเดิ้ล (ปาจรีย์ ณ นคร) ซึ่งเป็นสองคาแร็กเตอร์ เป็นโรคจิต ทำให้เราเข้าใจว่านี่คือการหลุดไปอีกคาแร็กเตอร์หนึ่งที่ไม่ใช่เราเลย พอมาเล่นเรื่อง กรงกรรม ของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ แนวดราม่า เป็นเรื่องอารมณ์มนุษย์เยอะมาก ก็เลยเหมือนทำให้เราโตขึ้นด้วยวัยของตัวละคร จริงๆ ริชประสบการณ์ชีวิตน้อย ไม่ค่อยรู้อารมณ์ของมนุษย์ปกติจนครบ แต่พอได้เล่นบทพวกนี้ มันก็สร้างมาเรื่อยๆ จนมาเรื่องนี้ เลยช่วยได้ ตัวละครมีอารมณ์ซับซ้อนเยอะ และมีการสร้างคาแร็กเตอร์จากสิ่งที่เราไม่ได้เป็นจริงๆ ต้องขอบคุณพี่อ๊อฟ พี่แดง (ธัญญา) พี่พุดค่ะ ผู้ใหญ่สอนเรามาเยอะด้วย และเรื่องนี้มีเวิร์กช็อปกับพี่นาย (สรัสวดี) ผู้กำกับฯ พร้อมกับเพื่อนๆ นักแสดง เวลาถ่ายทำจะถ่ายสลับไปมาระหว่างสองตัวตลอดเวลา มันก็ยาก”
★ เครียดแค่ไหนระหว่างถ่ายทำ?
ริชชี่ – “เรื่องนี้หนักหน่วงมาก ปมชีวิตไม่ใช่แค่ปมของตัวเดียว ปมของขวัญเอยลึกมาก ผู้ชายที่โดนกดทุกอย่าง ส่วนขวัญมาด้วยอารมณ์ผู้หญิงที่รู้สึกน้อยใจ คิดว่าแม่ไม่รัก เรื่องเล่าตั้งแต่เด็กจนโต เริ่มจากสองคนรักกัน จนวันหนึ่งมีจุดเทิร์นทุกอย่าง แต่เวลาถ่ายทำมันปนกันหมดทีเดียว มันเลยต้องทำการบ้านมาก่อน”
★ รู้สึกอย่างไร จากที่เคยโดนวิจารณ์เรื่องการแสดง มาถึงวันนี้ที่พิสูจน์ตัวเองจนได้รับคำชม?
ริชชี่ – “ดีใจค่ะ ตั้งแต่ก้าวแรกที่พี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) พาริชมา เราก็อยากพิสูจน์ให้คนเห็นว่าพี่เอไม่ได้คิดผิด แล้วพี่เอเขาเหนื่อยอยู่ตลอดในการช่วยเราสอนเรา วันนี้อยากขอบคุณพี่เอที่ให้โอกาสริช และผู้กำกับฯ คนแรก พี่เรียว (กิตติกร เลียวศิริกุล) จากภาพยนตร์ คู่กรรม คือคนที่มองว่าเราสามารถทำได้ ตอนนั้นเราใสมาก เด็กมาก แล้วเป็นนักกีฬา แต่เขาเชื่อว่าเราทำได้ เขาจะบอกตลอดว่า ริชทำได้นะ ทุกคนเป็นกำลังใจให้เรามาตลอด ทำให้รู้สึกอยากพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเพื่อพิสูจน์ให้คนเห็น ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนและแฟนคลับทุกคนที่ยังเชื่อและรอเราอยู่จนถึงตอนนี้”
★ จากที่เคยโดนว่าเล่นแข็ง เคยท้อกับคำนี้ไหม?
ริชชี่ – “ทุกครั้งที่เวลาเราทำงาน ฟีดแบ็กจากผู้กำกับฯ ทีมงานทุกคน คนที่อยู่ใกล้เรา เขาแฮปปี้ว่าริชทำได้อย่างที่เขาต้องการแล้ว คือตัวจริงหนูเป็นแบบนี้ พอเราเล่นไปไกล คนที่เขารู้จักเรา จะรู้สึกว่าเราเป็นนักแสดงที่มาไกลจากตัวจริงแล้ว แต่มันยังไม่ถึงขีดที่ตัวละครควรจะเป็น สมมติหนูต้องเล่นบทแรงมากๆ เราเล่นขึ้นมาจากระดับหนึ่งขึ้นมาอีกระดับ แต่บางทีในบท ถ้ามีคนที่เขาคาแร็กเตอร์แบบนี้อยู่แล้วมันเท่ากับระดับนั้นเลย หนูรู้สึกว่าด้วยบทที่เราได้รับ วันหนึ่งพอเราได้รับบทนี้ คนเห็นชัดว่าเราไม่ได้เล่นอันเดียว มันมีสองอันที่แตกต่าง ขอบคุณบทละคร ขอบคุณโอกาสที่ได้รับ”
★ ร่วมงานกับ ‘ก็อต อิทธิพัทธ์’ เป็นอย่างไรบ้าง?
ริชชี่ – “ดีค่ะ เขาตัวสูง พออยู่ใกล้ ด้วยกายภาพเขาทำให้เราดูเป็นผู้หญิงจริงๆ เรื่องที่ผ่านมาหนูตัวเท่าผู้ชายตลอด มาเล่นกับก็อตทำให้ดูเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ตอนเล่นเลิฟซีนก็คุยกัน จริงๆ หนูเล่นเลิฟซีนไม่ค่อยเยอะมาก ผู้กำกับฯ ก็ช่วย ก็อตเป็นเพื่อนกันก็ช่วยเซฟให้ เขาเข้าใจความเป็นเรา ในกองแรกๆ เราอาจจะไม่ค่อยคุยกัน เราพูดน้อยด้วย เพิ่งมาเจอกันเรื่องนี้ครั้งแรก ต้องปรับตัว ในเรื่องต้องรักกัน เจอเขาครั้งแรกต้องตกหลุมรักเลย เพราะตัวละครแค่เห็นหน้าพระเอกก็รักทั้งคู่แล้ว ไม่ใช่แค่ตัวผู้หญิง ตัวผู้ชายก็ต้องรักด้วย สองพี่น้องรักผู้ชายคนเดียวกัน คือตัวผู้ชายเขาอยากเป็นผู้ชาย แค่เขาเจอผู้ชายคนนี้แล้วรู้สึกชอบ แต่ไม่เคยคิดว่าอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้หญิง มันเลยซับซ้อนไปอีก”
★ มองเห็นพัฒนาการด้านการแสดงตัวเองยังไงบ้าง?
ริชชี่ – “ริชชอบเวลาเวิร์กช็อปก่อนเล่นทุกครั้ง เพราะตัวริชเองจริงๆ เป็นคาแร็กเตอร์ในละครไทยมันไม่ค่อยมีเลย ทุกเรื่องเหมือนเริ่มใหม่ ต้องโดดไปเป็นตัวละครจริงๆ ทุกครั้ง อย่างเรื่องนี้ริชทำงานหนัก ฟีดแบ็กออกมาแล้วคนเห็นว่ามันมีชีวิตจริงๆ เราก็ดีใจ แล้วเรื่องต่อไปถ้าเราทำให้ตัวละครตัวใหม่มีชีวิตขึ้นมาได้ โดยที่เขาไม่รู้สึกว่านี่คือริชชี่ นั่นคือสิ่งที่เราอยากเป็น”
★ เรียกว่าตอนนี้เข้าใจและสัมผัสกับการเป็นนักแสดงจริงๆ แล้ว?
ริชชี่ – “ตั้งแต่ก้าวแรก พี่เรียว ผู้กำกับฯ บอกตลอดว่าริชต้องเป็นนักแสดงนะ ต่อให้วันหนึ่งเป็นยังไงเป็นดาราโน่นนี่ ริชต้องเป็นนักแสดง เป็นทุกตัวละคร จะไม่เป็นริชชี่ ริชก็จำมาตลอด เราอยากเป็นให้ได้อย่างที่พี่เขาสอน”
★ แล้วตัวตนจริงๆ ริชชี่เป็นอย่างไร?
ริชชี่ – “หนูก็เป็นแบบนี้ค่ะ (ยิ้มเขิน) เป็นคนนิ่งๆ ถ้าบรีฟเราแล้วบอกว่าให้เทียบกับประสบการณ์จริง ซึ่งมันเทียบของริชไม่ได้ค่ะ เพราะริชเป็นคนเฉยๆ ไม่ได้เจออะไรที่กระทบกับชีวิตเราเยอะ เราอยู่แต่บ้าน อยู่คอร์ตแบดฯ ไม่ได้เจอคนเยอะ มีหลายคนถามว่าเคยโกรธเขามากๆ มั้ย ไม่มีใครทำให้หนูโกรธ หนูไม่ได้เจอใครมาก แล้วคนที่อยู่รอบตัวหนูดีกับเราทั้งหมด เราอาจจะต่างจากคนอื่น ถ้าคนอื่นอาจจะเอาประสบการณ์จริงมาเล่นเลย แต่ริชต้องทำการบ้านเยอะกว่าคนอื่นหน่อย แต่เราก็ยินดีค่ะ เพราะเรารักการแสดงตรงนี้”
★ ตอนนี้มีอารมณ์ รักโลภโกรธหลง มากขึ้นกว่าเดิมไหม?
ริชชี่ – “พยายามอยู่ค่ะ (หัวเราะ) ทุกคนบอกริชว่าต้องออกไปใช้ชีวิตให้มากขึ้น มันจะช่วยได้ ริชจะได้ไม่เหนื่อยมากเวลาแสดง มีอะไรจะได้หยิบออกมาใช้ได้เลย แต่ก็ไม่รู้จะไปเริ่มยังไง ริชเพิ่งมาอยู่กรุงเทพฯ ครั้งแรก เมื่อก่อนบินไปกลับกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ตลอด ตอนช่วงเรียนจุฬาฯ รับละครน้อยมาก รับแค่เสาร์-อาทิตย์ เราอยู่หอพัก เรียน 8 โมงถึง 5 โมงเย็น ถ่ายละครเสาร์-อาทิตย์ มีคนดูแลมารับไปถ่ายละคร แล้วกลับหอ แล้วไปเรียน มีพี่สาวมาอยู่ด้วยมาดูแล แต่พอตอนนี้ถ่ายละครเยอะก็เลยย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่วันเอง แล้วตอนนี้หนูกำลังเรียนต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพิ่งแข่งกีฬามหาวิทยาลัยให้กับรามฯ ครั้งแรกจบไป ได้เหรียญทอง อาจารย์บอกแบดมินตันทีมหญิงยังไม่เคยได้ นี่เป็นเหรียญทองแรก เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ลงแข่งประเภทหญิงคู่ จริงๆ หนูเป็นมือเดี่ยวมาก่อน แต่ด้วยความที่ฟิตซ้อมไม่ถึง ก็เลยตีคู่ให้”
★ แล้วเรื่องความรักเป็นยังไง ยังโสดเหมือนเดิม?
ริชชี่ – “ใช่ค่ะ ไม่มีใครเลย มีช่วงหนึ่งที่หนูกังวล พอมาถึงจุดที่อายุมากขึ้น ตอนเด็กๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอตอนนี้คนถามเยอะ มันเริ่มโตแล้ว ปีนี้ 25 แล้ว มันยังไม่รู้สึกมั้งคะ ไม่เจอใครเลย ที่บ้านไม่หวงเลย คุณพ่อจะบอกว่าถ้าไม่เจอคนที่ดีจริงๆ ก็อยู่กับครอบครัวดีกว่า เพราะเขาดูแลเราอยู่แล้ว ถามว่าเคยมีหนุ่มในวงการหรือนอกวงการจีบมั้ย คือไม่มีใครชอบหนูแบบนั้นนะคะ ส่วนใหญ่เขาจะเอ็นดูเรามากกว่า ส่วนสเป๊ก หนูไม่มีค่ะ ถ้ารู้สึกว่าคนนี้รักเรา แล้วเรารักกันจริงๆ ก็โอเค”
★ ตอนนี้หมดสัญญากับช่อง 3 แล้ว?
ริชชี่ – “ใช่ค่ะ ตอนนี้เป็นอิสระค่ะ หนูอยากกลับมาเล่นกีฬาด้วยและอยากรับราชการด้วย เลยบอกช่องว่า ด้วยการรับราชการไม่สามารถสังกัดช่องได้ ช่องเข้าใจค่ะ แต่เรายังเล่นละครอยู่ ช่อง 3 ยังเป็นบ้านของเรา เรายังกลับไปทำที่ช่อง 3 อยู่ คือหนูอยากเป็นทหาร เป็นความฝันอีกอย่างที่อยากทำ ตอนนี้กำลังฟิตร่างกายและเรื่องเรียนยื่นวุฒิเข้าไปกองทัพบก หน่วยกีฬา เรามีความสามารถด้านนี้ กีฬาแบดมินตัน”
“แล้วตอนนี้หนูกำลังทำธุรกิจด้วย เป็นอิสระน่าจะโอเคกว่า ทำผลิตภัณฑ์ชา เป็นของหนูเองจริงๆ ตัวแรก เดิมครอบครัวทำมาก่อนตั้งแต่รุ่นคุณทวดคุณตา ที่บ้านดูแลชาวบ้านดูแลไร่ชาอยู่แล้ว มีผลิตภัณฑ์ชาเยอะมาก พี่น้องแม่มี 11 คน ทุกคนก็ทำ หนูบอกแม่ว่าอยากทำ อยากช่วย เพราะการที่เราดูแลชาวบ้าน เรามีการผลิตเยอะ ส่งออกได้เยอะ เก็บชาได้มากขึ้น ชาวบ้านก็จะมั่นคงขึ้น เขาจะได้ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานมารับงานในเมือง เราคิดนานมากว่าจะทำยังไงให้แตกต่างจากที่มีอยู่ ตั้งแต่เรียนจบก็ไปวิจัยทำรีเสิร์ชกับอาจารย์มหา’ลัย จนตอนนี้ออกมาตัวหนึ่ง ชื่อแบรนด์ริชชี่ ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ดีท็อกซ์ ถ้าระบบข้างในดี จะช่วยให้ผิวพรรณรูปร่างดีด้วย สำหรับเด็กรุ่นใหม่ เพราะผู้ใหญ่เขากิน ออริจินอลกันอยู่แล้ว ก็เลยฉีกออกมาจากครอบครัวหน่อยที่เขาเป็นออริจินอล”
★ พอเป็นอิสระแล้ว ทำได้หลายอย่างมากขึ้น โอกาสเล่นละครกับค่ายอื่นก็มี?
ริชชี่ – “มีค่ะ ก็ยังรับละครเต็มที่ เพราะหนูลงทุนทำธุรกิจทุกอย่างเองหมด ไม่อยากใช้เงินที่บ้าน อยากทำด้วยตัวเอง ก็เล่นละครอยู่ค่ะ ต้องหาทุนมาทำธุรกิจ ตอนนี้ถ่ายทำเรื่อง ‘ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ’ ของช่องวัน 31 คาแร็กเตอร์เด็กๆ อายุ 23-24 ออกแนว คอมเมดี้นิดหน่อย เพราะหนูเล่นดราม่ามาหลายเรื่องติดแล้ว อยากลองเล่นแนวนี้บ้าง”
★ ที่บอกอยากรับราชการทหาร แล้ววางเป้าหมายอาชีพนักแสดงไว้อย่างไร?
ริชชี่ – “มันจัดการได้ค่ะ ด้วยเราไม่ได้มีสังกัด เมื่อก่อนอาจจะต้องเล่นเต็ม 7 วัน เดี๋ยวนี้ก็เลือกที่มันลงตัว ก็ดูบทที่คิดว่าจะทำได้ดีที่สุด ยังไม่ทิ้งงานแสดงค่ะ ทำควบคู่ไปด้วยกัน เพราะทางทหารหนูเป็นฝ่ายกีฬา ส่วนใหญ่จะมีแข่งกีฬาบ้าง ก็ฝึกเป็นทหารแบบปกติ แต่อาจจะไม่ได้ออฟฟิศร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนงานในวงการ หนูชอบเป็นนักแสดง อยากรับบทที่คิดว่าจะทำได้ดี จริงๆ อยากกลับมาเล่นหนัง เพราะเรามาจากหนัง อยากกลับมาทำตรงนี้ด้วยค่ะ”
วีรนุช จันทำ
