โต้ข่าว! ลูกตาล หนีหนี้ คู่กรณีถ่ายคลิปประจาน ยัน จ่ายดอก ยึดของ กว่า 3 ล้านบาท

โต้ข่าว! วันที่ 4 ก.พ. น.ส.ชโลมจิต จันทร์เกตุ หรือ ลูกตาล อดีตนางแบบชื่อดัง พร้อมด้วย นายเดชา ทองสุข ทนายความ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีที่มีคนโพสต์คลิปวิดีโอทวงหนี้ หน้าฟิตเนสแห่งหนึ่ง จนเป็นข่าวฮือฮาในโลกโซเชี่ยล

โต้ข่าว!

ตั้งโต๊ะ แถลงโต้ข่างหนีหนี้

โดย ลูกตาล เผยว่า “เดี๋ยวให้ลูกตาลเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนคร่าวๆนะคะ ธุรกิจฟิตเนสของลูกตาล ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ลูกตาลต้องการขยายกิจการ ก็เลยต้องการระดมหาเงินทุน แล้วเราไม่ได้อยากไปกู้หนี้ยืมสินใคร แล้วด้วยความที่ลูกตาลซื้อเพชรเอาไว้ ก็เลยคิดว่าเราเอาเครื่องเพชรไปขายเป็นเงิน เอามาลงทุนดีกว่าจะได้งอกเงย ก็เลยเอาเพชรไปขายคืนร้านของคู่กรณี ซึ่งเพชรทั้งหมดเป็นเพชรของร้านเขาที่เราซื้อมา ตอนที่เราซื้อเขาบอกว่ามันสามารถหักประมาณ 10-15% ขายคืนได้ ซึ่งมูลค่าเพชรของเรา 1.6 ล้านบาท ลูกตาลต้องการใช้เงินประมาณ 1.5 ล้านบาท ก็เลยบอกว่าขอขายคืนได้ไหมคะ เขาก็บอกว่าไม่รับซื้อคืนแล้ว มันเก่าแล้ว มันปีหนึ่งแล้ว เขาก็เลยบอกว่าเอาเป็นขายฝากมั้ย ตาลก็ไม่รู้ว่าฝากมันคืออะไร เพราะเราไม่เคยยืมเงินใครนะคะ เขาบอกว่าฝากก็คือต้องมีสัญญาเงินกู้ เหมือนเราเอาของไปฝากเขาไว้ แล้วทำสัญญาเงินกู้ ตาลก็โอเค ได้ค่ะ ก็เอาทรัพย์สินเราไป คือเป็นเครื่องเพชรมูลค่า 1.6 ล้านบาท ไปเป็นหลักประกัน เขาก็บอกว่าตอนนี้เพชรราคามันตกแล้ว มันไม่พอ ก็ขอหลักประกันเพิ่ม พอดีมีสมุดมอเตอร์ไซค์อยู่คันหนึ่งราคา 650,000 กว่าบาท ก็เอาไปค้ำประกันเพิ่ม แล้วก็ได้รับเงินมา 1.4 ล้านบาท ตาลก็ผ่อนตลอดเลยค่ะ ผ่อนทุกเดือน เดือนละ 70,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี ไม่ได้ขาดเลยค่ะ รวมแล้ว 1 ปี ลูกตาลผ่อนไปแล้ว 845,000 บาท จากเงินต้น 1.4 ล้านบาท”

“ลูกตาลก็ไปถามเขาว่าตอนนี้สัญญามันหมดแล้ว เราผ่อนไปขนาดนี้แล้ว เราต้องการรู้ยอดหนี้เรา อยากเคลียร์ยอดหนี้เราว่าเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าที่ผ่านมา 845,000 บาท คือดอกเบี้ยทั้งหมด เงิน 1.4 ล้านบาท ดอก 845,000 บาท แล้วเขาก็ยึดเครื่องเพชรของลูกตาลมูลค่า 1.6 ล้านบาท ยึดรถมอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท ยึดของลูกตาลไปทั้งหมดประมาณ 3 ล้านบาทค่ะ แล้วก็ยังทวงหนี้อยู่เรื่อยๆ ลูกตาลก็บอกว่าอุ๊ย ถ้ายังงั้นขอเคลียร์ที่เงินต้นได้ไหม ขอให้หักหนี้กันไปได้ไหม ถ้าพี่เอาของไปแล้ว พี่เอาเพชรหนูไป เอารถหนูไป พี่ก็หักเป็นเงินต้นไป เหลือเท่าไหร่หนูจ่ายคืนก็ได้ จริงๆถ้าหักกันจริงๆแล้วเขาต้องจ่ายคืนเราด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่ยอมนะคะ”

“แล้วลืมบอกไปว่าตอนที่ทำเงินกู้กับเขา เขาให้ตาลเขียนเช็คอีกต่างหากนะคะ มีเครื่องเพชรค้ำประกัน 1.6 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท เช็คค้ำประกันอีก 1.4 ล้านบาทด้วยค่ะ แต่เช็ค 1.4 ล้านบาท ลูกตาลไม่ได้เขียนลงไปในสัญญา พอถึงเวลาเขาก็มาขู่ว่าเขาจะฟ้อง 1.4 ล้านบาท แล้วก็จะฟ้องอีก 1.4 ล้านบาท ในใบสัญญา กลายเป็น 2.8 ล้านบาท กะเอา 2 เด้ง เหมือนเราเป็นหนี้เขา 2 ทาง ก็เลยคุยกันไม่ได้ เลยบอกว่าขอไปคุยกันที่ศาล และด้วยความที่ได้ส่งมอบมอเตอร์ไซด์ให้เขาไปแล้ว ในเมื่อเขาอยากได้ของนัก เราก็ให้ของเขาทั้งหมดแล้วก็จบกัน ฉีกสัญญาทิ้ง แต่เขาก็ไม่ฉีก ตอนก็ยังเป็นหนี้เขา 1.4 ล้านบาท เหมือนเดิม 2 ปี ไม่ว่าของเขาจะเอาไป 3 ล้านแล้ว”

“ในส่วนของวันที่มาที่ยิม เขาตั้งใจอยู่แล้ว คือก่อนหน้านี้ช่วงปีที่แล้ว คู่กรณีได้โทรศัพท์ไปทวงหนี้กับบุคคลอื่น เป็นดารามีชื่อเสียงที่รู้จัก เหมือนจะประนาม ทำให้เสียชื่อเสียง ด้วยความที่เราก็เป็นดารา ก็เอาเงินมาขู่ ว่าเอาเงินมาคืนฉันๆ เป็นระยะเวลานานมาก จนวันสุดท้ายคือวันที่เกิดเหตุ ที่มาที่ยิม เพื่อตั้งใจมาถ่ายคลิปทำลายชื่อเสียง ก็ถามเขาว่าทำไมคุณไม่ไปฟ้องศาลล่ะ ถ้าเราเป็นหนี้คุณจริงๆ เขาก็ไม่ฟ้อง แต่เขาโกรธ เขาก็มาอัดคลิปตามที่เป็นข่าว”

“ขอเล่าเรื่องวันที่เกิดเรื่องในคลิป เขาเดินมาที่ยิม วันนั้นลูกค้าเยอะมาก เราก็บอกว่าขอไปคุยข้างนอก แต่เราก็ไม่ได้คุยกับเขานะ พร้อมกับบอกว่าคุยกันจบแล้ว ให้ติดต่อคุยผ่านทางทนาย จนเกิดการตะโกนบอกว่า “พี่โกงเงินหนู” อย่างที่เห็นในคลิป ซึ่งเราไม่ได้พูดไม่ได้ตอบโต้ และโทรหาทนาย ทนายบอกให้แจ้งตำรวจ มาให้เชิญเขาออกไป จะได้ไม่เป็นการรบกวน ภาพที่เห็นว่าทวงหนี้แล้วเดินหนีมันไม่ใช่ มันไม่มีประโยชน์ที่จะทะเลาะกับคนที่จ้องจะทะเลาะกับเรา มาหาเรื่องเรา คิดว่าไม่ได้มีประโยชน์อะไร จึงขับรถออกไปเพื่อนที่จะไปแจ้งตำรวจ ให้มาระงั้บเหตุการณ์ พอตำรวจที่เราไปแจ้งมาถึง ได้บอกว่าให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้นะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง ก็เลยกลับไปที่ สน. เพื่อลงบันทึกประจำวัน แต่ว่าวันนั้นคนเยอะ ตำรวจบอกว่าให้มาวันรุ่งขึ้น จึงกลับบ้านไป กลายเป็นว่านักข่าวที่มา และคู่กรณีก็ให้ข่าว ว่าลูกตาล จ้องจะวิ่งเข้ามาทำร้ายร่างกาย พอดีตำรวจมาระงับเหตุการณ์ไว้ได้ ลูกตาลเห็นว่าตำรวจมา ก็เลยรีบหนีไป มันเป็นหนังคนละม้วนกันเลยที่พี่ๆได้ยินมาตั้งแต่แรก เหตุการณ์เป็นแบบนี้ เราไม่ได้เดินเข้าไปจะทำร้ายร่างกายเขา ไม่ได้ทำอะไรเลย และมีกล้องวงจนปิด ถ้าใครจะเอาก็เอาไปดูได้ และก็มีเอกสารการจ่ายเงินต่างๆก็มี เดี๋ยวทนายจะคุยเรื่องต่างๆว่าจ่ายอะไรไปบ้าง และจะคุยเรื่องคดีด้วย”

ทนาย “เรื่องทั้งหมดนี้ เขาทำสัญญากู้กัน 3 ฉบับ ทุกฉบับก็จะมีระบุเอาไว้ว่า มีอะไรค้ำประกัน ลูกตาลมาปรึกษาผมว่า ผ่อนหนี้แล้ว ทำไมยอดหนียังเหลือเท่าเดิม ก็ถามต่อว่าผ่อนไปเท่าไหร่ ทำไมไม่ลด ผมก็ได้ทำสรุปมาว่า ทางนี้เขาได้จ่ายไป 845,000 บาท มีหลักฐานการโอน ว่าวันที่เท่าไหร่ วันหนึ่งเรานัดคุยกันที่ สน.หัวหมาก เพื่อที่จะยกมอเตอร์ไซค์ให้ เพื่อที่จะตัดหนี้ คุยกันวันที่ 24 พ.ค. 62 ครั้งล่าสุด ที่เราคุยกัน ผมพยายามจะคุยว่าทุกสิ่งทุกอย่าง หลักทรัพย์ที่คุณเอาไป ถ้าขายได้หักต้นเงินกู้มา เหลือเท่าไหร่ผมจะให้ทางนี้จ่าย มอไซด์ที่ทำบันทึกตกลงคืนกัน ราคา 300,000 บาท เซ็นกันทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากนั้นก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยบอกให้ทางลูกตาลหยุดจ่ายเงินกันไปก่อน เพราะจ่ายไปก็ไม่รู้จะจ่ายยอดไหน คือยังต้องจ่าย 1.4 ล้าน ทั้งที่เครื่องเพชรก็ซื้อมาจากร้านเขามา 1.6 ล้าน เครื่องเพชรก็ไม่รู้อยู่ไหน จะคืนเราไหมก็ไม่มีคำตอบ ส่วนค่ามอเตอร์ไซด์ 3 แสนบาท ก็ไม่ยอมหักให้ลูกตาล ว่าหนี้คุณจะอยู่ 1 ล้าน หนึ่ง ไม่ยอมหัก 3 แสนออก เอกสารนี่คัดมาจาก สน.หัวหมากไปตรวจสอบได้ ก็เลยมีการหยุดชำระเพื่อเคลียร์ยอดหนี้ ผมเลยบอกเขาว่าถ้าคุณยังติดใจให้ไปทำการฟ้องที่ศาล ถ้าศาลสั่งให้จ่ายเท่าไหร่ทางนี้ก็ยินดีจ่าย ไม่ได้มีปัญหาเริ่องการจ่ายตังค์ หลักฐานการชำระเงินทั้งหมดก็มี ผมก็เลยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ดำเนินทางศาล จะไปทวงออกสื่อเพื่อ ถ้าคุณใช้สิทธิ์ทางศาลก็ฟ้องเลย ว่าติดอยู่ 1.4 ล้าน ไปพิสูจน์กันว่า 1.4 ล้าน ที่นี่ชำระบ้างหรือเปล่า ส่วนเครื่องเพชรที่ค้ำประกันอยู่ มอเตอร์ไซด์ หักไปแล้วเหลือเท่าไหร่ ทางนี้ยินดีจ่าย ไม่ใช่ว่าไม่จ่ายเงิน”

เมื่อถามว่าในสัญญาได้ระบุ จำนวนดอกเบี้ยหรือไม่
ทนาย “ไม่ระบุดอกเบี้ยว่าเท่าไหร่ สัญญามี 3 ฉบับ คือมีวันที่ 8 ต.ค. 2560 กู้เงินกัน 500,000 บาท ก็จะไม่ระบุดอก ฉบับต่อมา 3 ธ.ค. 2560 กู้ 500,000 บาท ฉบับนี้จะมีมอเตอร์ไซด์ค้ำประกัน และฉบับต่อมาทำเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2560 อันนี้กู้ 400,000 บาท มีแหวนเพชรเป็นประกัน ซึ่งทั้ง 3 สัญญาจะไม่ระบุดอกเบี้ย”

ถามว่านอกรอบได้คุยไหม ว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่
ลูกตาล “ตอนที่เราแบ่งสัญญากู้ เดือนเดียวกันแต่คนละวัน เพื่อสะดวกในการจ่ายเงินอะไรก็แล้วแต่ เขาบอกว่าอยากจะจ่ายอันไหนก่อนก็ได้ แต่เวลาเราจ่ายดอก เราจ่ายพร้อมกันครั้งเดียว เดือนละ 7 หมื่น ตนก็จ่ายทุกเดือน ตอนแรกเขาบอกว่าร้อยละ 5 ตนก็คิดว่าร้อยละ 5 ต่อปี เพราะเขาไม่ได้เขียน เราก็ผ่อนไป พอสิ้นปีเราก็ถามว่าดอกเหลือเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าเหลือเท่าเดิมนั่นแหละ แล้วที่เราจ่ายๆ ไปเดือนละ 7 หมื่น คืออะไร เขาก็บอกว่าเป็นดอกทั้งหมด ก็จะเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี คือดอกที่เขาคิดเราทั้งหมด”

ทางกฎหมายมันเป็นไปได้ไหม
ทนาย “มันผิดกฎหมายอยู่แล้ว กับการเรียกดอกเบี้ยเกิน วิธีที่ทวงก็ผิดกฎหมาย คือเราเจตนาจะใช้หนี้อยู่แล้ว ไม่ได้มีเจตนาไม่ใช้หนี้ เนื่องจากเราคุยกันไม่รู้เรื่องที่ สน.หัวหมาก ไม่รู้ว่ายอดหนี้สรุปกันที่เท่าไหร่ เราก็เลยต้องหยุดผ่อนชำระไป เพราะขนาดเอามอเตอร์ไซค์ไปให้เขา มีการส่งมอบมอเตอร์ไซค์ มีการลงบันทึกประจำวันที่ สน.หัวหมาก ตีราคาไว้ 300,000 บาท และยอดหนี้ก็น่าจะเหลือแค่ 1 ล้านบาท ถ้าหากหักค่ามอเตอร์ไซค์ไป แต่ทำไมยอดหนี้ยังเหลือ 1.4 ล้านบาท เหมือนเดิม”

ลูกตาล “สรุปสิ่งที่คู่กรณีได้ไปก็คือเงิน 850,000 บาท เครื่องเพชรอีก 1.6 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท ได้ไปทั้งหมดประมาณ 3 ล้านกว่าบาท แต่ตนก็ยังติดหนี้เขาเหมือนเดิม”

เหตุผลที่ยังไม่ได้จ่ายหนี้ก็ไปเพราะทนายสั่งให้ระงับการใช้หนี้ไปก่อนถูกต้องไหม
ทนาย “ผมบอกว่าให้ไปตกลงยอดหนี้กันให้ชัดเจนก่อนว่าหนี้ 1.4 ล้านบาท ตอนนี้เหลือเท่าไหร่ เพราะผ่อนไป ยังไม่รู้เลยว่าผ่อนยอดไหน หรือที่ผ่อนไปมันเป็นดอกเบี้ยเท่าไหร่ และทางคู่กรณีจะคืนเครื่องเพชรไหม คืนหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมดกับเราไหม ก็ไม่ได้คำตอบ”

กับคู่กรณีคุยกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่
ทนาย “คุยกันที่ สน.หัวหมาก ครั้งล่าสุดผมเคยคุยผ่านทนายอีกคนหนึ่งที่ติดต่อผมมา ตอนนั้นผมยังบอกเลยว่าเราต้องเคลียร์กันให้จบก่อนว่ายอดเท่าไหร่เราถึงจะผ่อนได้ ตอนนี้เหมือนเราจ่ายดอกอย่างเดียวซึ่งดอกมันก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ผมเคยเสนอแนะไปว่าถ้าหากตกลงไม่ได้ ก็ให้เขาฟ้องเราเลย คุณบอกว่าเราติดหนี้ 1.4 ล้านบาท ก็ให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่า 1.4 ล้านบาท คือยังไง ถ้าศาลสั่งให้จ่ายเราก็จ่าย คุณลูกตาลมีภูมิลำเนาแน่นอน มีทรัพย์สิน มีหลักแหล่ง สามารถตรวจสอบได้ ถ้าศาลตัดสินแล้วคุณลูกตาลไม่จ่าย ก็สามารถบังคับคดียึดทรัพย์ได้ ผมจึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมทางคู่กรณีถึงไม่ดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลับใช้วิธีการทวงหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดพรบ.ทวงหนี้ด้วยซ้ำ เป็นการหมิ่นประมาทด้วยซ้ำ”

ทางเราหยุดชำระตั้งแต่เมื่อไหร่
ทนาย “ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ครั้งล่าสุดที่คุยกัน เพราะเราคุยกันไม่จบ ยอดหนี้สรุปกันไม่ได้ว่าเหลือเท่าไหร่จาก 1.4 ล้านบาท ก็เลยหยุดการผ่อนชำระไป คือคุยจนไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว ถามเขาว่าหลักทรัพย์จะคืนยังไง ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ให้เขาไปฟ้อง และไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่ายอดหนี้ที่แท้จริงมันคือเท่าไหร่ ทางนี้ต้องชำระเท่าไหร่ สุดท้ายเขาก็ยังยืนยันว่า 1.4 ล้านบาท แล้วเครื่องเพชรที่วางเป็นหลักประกัน มอเตอร์ไซค์ ผมไม่พูดเรื่องเงินที่ผ่อนนะ เอาแค่หลักประกัน เพราะมันน่าจะครอบคลุมวงเงินยอดหนี้อยู่แล้ว ถ้าเหลือก็เหลือนิดหน่อยไม่ถึง 1.4 ล้านบาท แน่ๆ”

ลูกตาล “ที่เขาบอกว่าที่ตาลกู้เงินไปเพราะธุรกิจมีปัญหา เหมือนเขาจะทำให้เสียชื่อ และทำให้กิจการงานเราจะงับไปด้วย แต่สาเหตุที่ตนไม่ได้ใช้หนี้ มันเป็นเรื่องของการตกลงยอดหนี้ไม่ลงตัว”

เขาได้มีการติดต่อมาหาเราโดยตรงตัวต่อตัวบ้างไหม
ลูกตาล “เขาโทรหาทุกคน ทุกคนรอบๆ ที่ไม่ใช่ตัวตาล เขาโทรเล่าให้ทุกคนฟัง ซึ่งจะไปเป็นพยานในศาลให้ทีหลังประมาณ 10 กว่าคน ทั้งดาราและคนอื่นๆ คือมีหลายคนมาก เขาติดต่อตนได้ตลอดนะคะ จนสุดท้ายที่ สน. เราก็สรุปกันแล้วว่า ให้คุยผ่านทนายไม่ต้องโทรแล้ว ตอนที่เขามาที่ยิมก็บอกว่าไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ให้เขาคุยกับทนายเลย แต่เขาก็บอกมาว่าเขาไม่คุยกับทนาย เขาจะเล่าให้ทุกคนฟัง เขาจะมาที่นี่ทุกวัน เขาจะมาทำให้ตาลเสียชื่อเสียง แล้วเขาก็ทำสำเร็จไประยะหนึ่ง ซึ่งคนคนเกลียดกันทั้งประเทศเลย ว่าเป็นหนี้แล้วหนี เราก็ต้องมาเสียชื่อเสียงด้วย”

ก่อนหน้านี้เคยผิดใจอะไรกับเขามาก่อนไหม
ลูกตาล “ไม่มีค่ะ ไม่เคยผิดใจอะไรกับเขา ถ้าจะผิดใจกับเขาก็คือเราหยุดจ่ายดอก เขาคงคิดว่าเขาขาดรายได้”

ตอนเซ็นสัญญาเรามีตงิดใจบ้างไหม ว่ามันไม่ชอบมาพากล
ลูกตาล “ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะไม่เคยกู้เงิน เขาก็บอกว่าเหมือนไปฝากของ ถ้าเราตั้งใจดูสัญญาให้ละเอียด เราก็ต้องลงไปแล้วว่ามีเช็คด้วย ค้ำด้วย แต่การที่เขาคิดไม่ซื่อกับเรา เวลาจะฟ้องเรา จะฟ้องเช็คด้วย จะฟ้องสัญญาด้วย กลายเป็นว่าสองเด้งเลย แล้วตอนนั้นที่หมดสัญญากู้แล้ว เราก็ถามว่าเครื่องเพชรเราอยู่ไหน ขอตรวจดูก่อนได้ไหม เขาบอกว่าเอาไปฝากเพื่อนวางตู้ไว้แล้ว เราก็บอกว่า อ้าว…พี่จะให้หนูจ่ายดอกพี่ จ่ายเงินพี่ แต่พี่เอาเพชรหนูไปวางขาย แล้วอย่างนี้มันถูกเหรอ เขาบอกก็วางไว้ก่อน ถ้าเผื่อขายได้ค่อยหักหนี้กัน ซึ่งแบบทำอย่างนี้มันก็ไม่ถูก”

ทำไมเราถึงไม่เอาเพชรไปขายที่อื่น
ลูกตาล “เราซื้อร้านเขา เราต้องขายกับเขาค่ะ มันของเขา คือบอกตรงๆเลยนะ ก่อนจะไปขายคืนเขา เราเคยเอาเพชรไปเช็คแล้ว สิ่งที่เขาขายเรา มันเหมือนกับมันโก่งราคาด้วย เราก็เลยเลือกขายคืนเขาดีกว่า แต่เขาก็ไม่เอา”

ต่อจากนี้จะเคลียร์ปัญหานี้อย่างไร
ทนาย “ผมไปแจ้งความที่ สน.มักกะสัน คดีหมิ่นประมาท กับการทวงหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หมิ่นประมาทโดยโฆษณาไว้ แจ้งความไว้เมื่อวันจันทร์ ก็เดี๋ยวรอทางคู่กรณีมา ส่วนเรื่องหนี้ผมก็ต้องดูว่าเขาจะเอายังไง ก็อาจจะคุยไปในทีเดียว ถ้าคุยได้ผมอยากจะคุยให้หมดทุกเรื่อง แต่ถ้าคุยไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะผมก็รอเขาฟ้องมา ว่าเขาจะบังคับคดีที่ 1.4 ล้านไหม”

มีแนวทางประนีประนอมหนี้ไหม
ทนาย “ยังไม่รู้เลยว่ายอดหนี้มันเท่าไหร่ ผมก็ไม่กล้าประนอมหนี้ เพราะว่าเครื่องเพชรจะหักยอดหนี้เท่าไหร่ ตอนนี้เขายืนยันว่า 1.4 ล้าน ทั้งมอเตอร์ไซค์ก็ให้เขาไปแล้ว ราคา 3 แสนบาท มีบันทึกที่ สน.ชัดเจน เครื่องเพชรบอกยังไม่ขาย ก็เอามาดู เอาไปขายแล้วหักยอดหนี้กันไหม ขายเท่าไหร่แล้วมาว่ากันกับหนี้ที่เหลือ”

ตอนนี้เรื่องหนี้ยังไม่ถึงชั้นศาลใช่ไหม
ทนาย “เขาไม่เคยฟ้องเราครับ เราเป็นผู้กู้ เขาเป็นเจ้าหนี้เขาต้องฟ้องเรา”

จะมีปัญหาไหม เพราะเขาไม่ยอมฟ้องเรา
ทนาย “คือผมกำลังจะดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทโดยโฆษณา แล้วก็ไปทวงหนี้โดยการประจาน มันผิด พ.ร.บ. อยู่แล้ว เราจะมีโอกาสได้คุยกันในศาล”

คิดว่าทำไมเขาถึงไม่ฟ้อง หรือว่าเขาต้องการอะไรมากกว่านั้น
ทนาย “มันเป็นสิทธิ์ของเขา เราก็ตอบแทนเขาไม่ได้”
ลูกตาล “เขาคงไม่อยากจะฟ้องมั้ง เขาอยากจะด่าเราไปเรื่อยๆละมั้ง”

ถ้าเขาฟ้องเราก็พร้อมต่อสู้ใช่ไหม
ลูกตาล “อยากให้เขาฟ้องหนี้จังเลย”
ทนาย “เรามีหลักฐาน เราไม่ได้พูดลอยๆ เรามีรายละเอียดหมด การผ่อนเงินเราก็มี โอนเงินเข้าบัญชีเขา รายละเอียดการถอนผมก็ทำสรุปด้วยซ้ำ ว่าโอนวันไหน ยอดเท่าไหร่”

การคำนวณหนี้ทั้งหมด จำนวนเงินต้นที่เริ่มเป็นหนี้ จนถึงตอนนี้ ถ้าเข้าสู่ชั้นศาล เราต้องจ่ายหนี้เขาอีกกี่บาท
ทนาย “ถ้าตีราคาหลักทรัพย์นะ ผมไม่รู้หลักทรัพย์จะตียังไงนะ ผมคิดว่ามันคัฟเวอร์ยอดหนี้อยู่แล้ว”
ลูกตาล “ถ้าตีราคาหลักทรัพย์เขาอาจจะต้องคืนเงินเราด้วย”
ทนาย “ต้องฝากถามว่าเขาคิดดอกเท่าไหร่ก่อน (หัวเราะ) เขาจะกล้าบอกไหม ผมไม่รู้ว่าเขาคิดเท่าไหร่”
ลูกตาล “ฝากถามเขาว่า ร้อยละหกสิบจริงไหม”

เงิน 70,000 บาทที่ผ่อนไป เป็นมูลค่าอะไร
ลูกตาล “เขาบอกว่า 70,000 ทุกเดือนคือดอกเบี้ย 5 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน และ 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ที่ได้ไปแล้วนะคะ”
ทนาย “คือคุณลูกตาลเขามาปรึกษาผมทีหลัง เรื่องคดีนี้”

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

พอมีข่าวออกไป เราเสียหายเยอะพอสมควร เราอยากชี้แจงอะไรกัยคนที่เข้าใจเราผิดไหม
ลูกตาล “อยากจะบอกว่าที่หายไป 2 วัน เราต้องมีสติ รู้ว่าคนเขาจะมาหาเรื่องเราอยู่แล้ว ที่บอกว่าเราเดินหนี ป่านนี้หลบหนี้อยู่มั้ง จริงๆแล้วเราไม่ได้เดินหนี แต่ใช้ความคิด ว่าเราจะมาบอกยังไง ให้คนไม่เข้าใจเราผิด ก็อยากจะบอกว่าเราไม่ได้หนีหนี้ เราติดต่อเขาตลอดเวลา แล้วเราก็ไม่ได้ไปทำร้ายร่างกายเขา เราไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปทะเลาะกับคนที่เขาต้องการมาทะเลาะกับเรา ความจริงก็คือความจริง แล้วก็อยากจะบอกความจริงไว้ตรงนี้ว่า คนที่โดนกระทำคือเรา เงินก็ได้ไปแล้ว อะไรก็ได้ไปแล้ว ยอดล้าน 4 ได้เงินไป 8 แสน 5 ได้เครื่องเพชรไป ล้าน 6 ได้มอเตอร์ไซค์ไป 6 แสน 5 เป็น 3 ล้านกว่าแล้ว คุณก็ยังมาประจานอย่างนี้ มันถูกต้องเหรอคะ”

กระทบกับธุรกิจเราไหม
ลูกตาล “กระทบแน่นอนค่ะ เพราะว่าตอนที่เขาไปทวงหนี้ เขาทวงที่ยิม ลูกค้าพี่ก็อยู่ แล้วน้องต้องดูที่กล้องวงจรปิด เขาพูดว่าเจ้าของยิมที่นี่ติดเงินฉัน ลั่นยิมเลย แล้วก็ไปคุยกับทุกคน ไปประจานอยู่ในนั้น แล้วคิดดูว่าธุรกิจพี่จะเป็นยังไง”

ได้รับความเสียหายแค่ไหน
ลูกตาล “มากเลยค่ะ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกเขาก็เป็นอยู่ แต่เขาก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วเขาจะต่อสมาชิกเราไหม เพราะคุณคนนั้นเขาพูดว่าที่มายืมเงินเนี่ย เพราะว่ามีปัญหาทางด้านธุรกิจ จริงๆธุรกิจพี่ไม่ได้มีปัญหา แต่พี่ต้องการขยายธุรกิจ พี่มีของ พี่มีเครื่องเพชร ดีกว่าเก็บไว้ในตู้เซฟก็กะเอามาขายทำธุรกิจ มันไม่ได้ไม่มีเงิน”

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะใช้วิธีไหน
ลูกตาล “พี่จะไม่ซื้อเพชรร้านเขา”

อ่านข่าว : เจ้าของร้านเพชร บุกทวงหนี้ นางแบบดัง – ทนไม่ไหว แจ้งความดำเนินคดีแล้ว! (คลิป)

ทำไมไม่ใช่วิธีกู้ธนาคาร
ลูกตาล “มันเร็วไง เพราะพี่ไม่อยากเป็นหนี้ แล้วก็ไม่ต้องมีขบวนการอะไรมากมาย”

ต่อไปจะต้องระวังมากกว่านี้ไหมเวลาจะไปฟิตเนส
ลูกตาล “เขาจะกล้าไปหรอคะ”

นัดเจออีกทีเมื่อไหร่
ทนาย “ยังไม่ได้กำหนดครับ ต้องรอตำรวจออกหมายเรียกก่อน ต้องเช็คกับสน.มักกะสัน เพราะผมเพิ่งไปแจ้งความไว้เมื่อวันจันทร์นี้เองครับ”

เราพร้อมให้ความร่วมมือ
ลูกตาล “ยินดีเลยค่ะ”
ทนาย “ทางเรายินดีชำระหนี้ ผมบอกลูกตาลเลยว่า เป็นหนี้ต้องชำระหนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเหลือยอดหนี้เท่าไหร่”
ลูกตาล “ถ้าพี่ไม่ยินดี คงไม่ผ่อนทุกเดือนจนหมดสัญญา 1 ปี ทุกเดือน 70,000 บาท พอถามว่าเหลือเท่าไหร่ เขาบอกเหลือเท่าเดิม แล้วยึดของเราไปอีก มาด่าเราด้วย”

ขอบคุณไอจี : chalomejit

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน