สัญญาณดี แบงค์ พชร รักษามะเร็งตับ8เดือน ก้อนเนื้อร้ายฝ่อตัว – ถูกใจ นิหน่า สามีเลิกเหล้าถาวร

 

สัญญาณดี – วันที่ 4 ก.พ. ณ ลาน Eden 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “ก้าวข้ามมะเร็ง” โดยในงาน มีนักแสดงสาว นิหน่า สุฐิตา และสามี แบงค์ พชร ปัญญายงศ์ มาร่วมงาน

ซึ่งหนุ่มแบงค์ในฐานะที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งตับ ก็ได้มาแชร์ประสบการณ์การรักษาโรคมะเร็ง ส่วนสาวนิหน่าก็ได้มาพูดถึงการทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสามีที่เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยหลังจบงานทั้งคู่ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเพื่ออัพเดทอาการป่วยมะเร็งตับของหนุ่มแบงค์ หลังรักษามาแล้ว8เดือน

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

 

สัญญาณดี

สัญญาณดี

 

อัพเดตอาการนิดนึงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

แบงค์: ก็ตัวมะเร็งก้อนใหญ่หลังจากครีโมไปทำ TACE ไปรอบหนึ่ง ( TACE ย่อมาจากคำว่า Trans Arterial Chemo Embolization หมายถึง การรักษามะเร็งตับอีกวิธีหนึ่งในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยการรักษาด้วยวิธีการให้เคมีบำบัดเฉพาะทางที่ผ่านทางหลอดเลือดแดง ที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งตับโดยตรง แล้วอุดกั้นหลอดเลือดนั้นเพื่อไม่ให้เลือดไปเลี้ยงก้อนเนื้องอก)

แล้วอีกรอบหนึ่งก็ทำ aberration คือใช้จี้ร้อนด้วยคลื่นวิทยุคล้ายไมค์โคเวฟอะครับ พอ2รอบเสร็จปุ๊บ มันก็ฝ่อลงเล็กลงจาก 4 × 4 กว่า มันก็ลงมาเหลือสองกว่า ทีมแพทย์ค่อนข้างมั่นใจตัวมะเร็งก้อนใหญ่น่าจะตายแล้ว

 

แบบนี้ก็มีสิทธิ์หาย100%?

นิหน่า: คือมันไม่มี 100% อะไรในโลกนี้หรอกค่ะเพราะว่าจริงๆแล้วมันก็ต้องวัดตามมอนิเตอร์ตามดูอาการไปเรื่อยๆ เราก็จะต้องดูว่ามันไม่มีอะไรใหม่ขึ้นมา ไอ้ที่กำจัดเวลาตรงขอบๆมันหมด เพราะว่าทุกอย่างทำผ่านกล้อง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องติดตามอาการไปเรื่อยเรื่อยทุกๆฝสามเดือน อย่างล่าสุดก็คือเดือนธันวาก็ไปติดตามอาการดูก็ปรากฏว่ามันก็ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไอ้ที่มันเป็นก้อนที่เคยทำจี้ความร้อนไป มันก็ตัดออกไปแล้วนะ ส่วนตัวจุดอื่นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลง มันก็คือไซด์เท่าเดิม คุณหมอก็ถือว่าเป็นผลที่น่าพอใจ

 

เรียกว่าผ่านพ้นจุดอันตรายที่สุดของชีวิตไปได้แล้ว?

นิหน่า: จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่เทียบกับอะไรอ่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าชีวิตคนเรามันอันตรายทุกวันเลยนะ มันไม่ใช่มีแค่เรื่องของมะเร็ง เราก็ต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่มันทำให้เราแบบไม่ประมาทกับชีวิตเนอะ แล้วก็ดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่แค่กับคนที่เค้าเป็น คนใกล้ตัวก็รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วชีวิตมันไม่แน่นอนวันนี้มันโอเค วันพรุ่งนี้ก็อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้

 

ก็เรียกว่าสัญญาณมันดีขึ้นเรื่อยๆ

แบงค์: โชคดีนะสำหรับเคสผมมันไม่กระทบต่อความฟิต มีการทำครีโม ทำเคมีบำบัดมันก็ไม่กระทบเหมือนเคสอื่นๆ ซึ่งหลายๆท่านอาจจะประสบมากว่าเราเยอะ เคสของเราก็ง่ายอนุบาลไปเลย แต่ก็ต้องเฝ้าระวังต่อไป ตามสถิติแล้วมันกลับมาเกิดภายใน5ปี แล้วบังเอิญเคสของผมมันต้องเฝ้าระวังอีกหลายจุด คือทำให้เหล่านั้นมันไม่โตขึ้นมา

นิหน่า : จริงๆมันไม่ใช่ว่าเปลี่ยนชีวิตนะ เพราะว่าปกติเราก็กินอาหารดีอยู่แล้วออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้อาจจะปล่อยปะละเลยไปบ้าง พอมาเจออะไรอย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าใช่ว่าเราแข็งแรงจะไม่เป็นอะไร ดีๆมันก็เป็นขึ้นมาได้ แล้วที่สำคัญย้ำมาตลอดทุกครั้งที่นิหน่าให้สัมภาษณ์คืออยากให้ทุกคนตรวจสุขภาพ คำว่าตรวจสุขภาพคือมันต้องตรวจให้ละเอียดแบบอัลตร้าซาวด์ เจอเร็วก็รักษาได้เร็ว

 

ตอนนี้กิจวัตรประจำวันอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง?

นิหน่า: บอกสิว่าตื่นตี3ไปวิ่งอ่ะ(หัวเราะ)

แบงค์: โชคดีที่ว่าเราออกกำลังกายอยู่แล้ว เราทานดีทั้งคู่แล้ว เราก็เลยปรับแค่ว่าดื่มน้อยลงไปเยอะมาก

นิหน่า: เป็นพ่อบ้านสายคลีนแล้ว

แบงค์: เคสผมเป็นตัวอย่าง เราไม่ได้เกิดจากการใช้ชีวิต มันพิสูจน์แล้วผ่านแลปเมืองนอกว่ามันเป็นกรรมพันธุ์แฝง เราก็เลยมีการปรับการใช้ชีวิตให้กรรมพันธ์เหล่านี้ไม่ออกมา ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามารักษา เพราะว่าการรักษาแบบผมอาจจะไม่เวิร์คกับอีก 99 คนก็ได้ 100 คนก็รักษา 100แบบ เพราะฉะนั้นป้องกันเป็นสิ่งที่เราทำเหมือนเหมือนกันได้

 

งดดื่มไปเลย?

แบงค์: ใช่ว่ายังงั้นเลยก็ได้(หัวเราะ)

 

กลายเป็นคุณพ่อสายคลีนก็เข้าทางคุณแม่เลย?

นิหน่า : ดี แฮปปี้ เหมือนได้สามีใหม่ เราเป็นห่วงสุขภาพเค้า ด้วยความพี่แบงค์เค้าจะรู้สึกว่าพ่อไม่เป็นไรน้องแหละเข้าโรงพยาบาลทุกปี เป็นประโยคติดปากของเค้า แล้วปรากฏว่าพอเจอกับตัวเองปุ๊ป ดอกใหญ่เลย ก็จะคุยกันเล่นๆว่าก็ดีเหมือนกันมันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกว่าคือเราใช้ชีวิตประมาทไม่ได้นะ บางทีเรามั่นใจว่าเราแข็งแรงแล้ว เรากินดีแล้วออกกำลังฟิตขนาดนี้ แต่มันเกิดขึ้นกับเราได้ไง เพราะตอนนี้ก็เหมือนได้ชีวิตใหม่ดูแลสุขภาพใส่ใจเรื่องการกิน เห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ร่วมกันในครอบครัว คือจริงๆก็เห็นความสำคัญอยู่แล้ว แต่ว่าจะทำให้เราเห็นคุณค่ามากขึ้นอะไรอย่างนี้มากกว่า

 

 

นิหน่าพูดบนเวทีว่ามายด์เซ็ทคือคนข้างกายสำคัญ สำคัญยังไง?

นิหน่า: กลับตัวนิหน่าคิดว่าถ้าเราอ่อนแอ คนที่เขาเห็นเราอ่อนแอเค้าจะรู้สึกทันทีว่าเค้าคือต้นเหตุ อันนี้เป็นความรู้สึกนิหน่า ฉะนั้นสิ่งที่เค้าไม่อยากเลย คือเค้าไม่อยากให้เราเศร้า ให้เราเครียด แล้วเรื่องพวกนี้มันแกล้งกันไม่ได้ ซึ่งยอมรับว่าอาทิตย์แรกมีเป็นเหมือนกันแบบว่า ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายคือทำไงดี แต่พอเราได้ตั้งสติแล้วก็ก้าวข้ามผ่านจุดที่เรารู้สึกว่ามันไม่เครียด มันเป็นโรคที่รักษาได้ มันไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้โลกจะสลายหรือว่าพรุ่งนี้เราจะไม่เห็นหน้ากันแล้วมันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นสติสำคัญที่สุด

จริงๆมีคนถามเยอะว่าดูแลกันยังไง ปลอบใจอะไรกันเป็นพิเศษ ความสัตย์จริงก็คือไม่มี เราก็คุยกันเหมือนเดิมวางแผนเที่ยวเหมือนเดิม อยากจะทำอะไรก็ทำเหมือนเดิมทุกอย่างใช้ชีวิตให้เป็นปกติ การรักษาก็คือรักษาไปแล้วก็ทำตามที่คุณหมอสั่งคือจะไม่แบบสะเปะสะปะ บางทียอมรับว่ามีคนรู้เรื่องนี้เค้าก็แบบพยายามอันนั้นสิ อันนี้สิ แต่เราต้องมีแกรน เราต้องเชื่อคนๆนึงคือต้องเป็นคุณหมอ เราก็ปฏิบัติตามทำให้เราไม่วอกแวก ไม่เสียขวัญเสียกำลังใจ เลยเป็นการแบบก้าวข้ามความกลัวของตัวเองไปและทำให้เค้าเห็นว่าภรรยาเรายังโอเคเลย มันส่งเสริมความเชื่อซึ่งกันและกัน

 

ทั้งคู่ดูกำลังใจดี ลึกๆมีอะไรที่รู้สึกกังวลอยู่ไหม?

แบงค์: โดยส่วนตัวนะไม่มีเลย เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าเป็นห่วงเรา เราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร ให้เค้ากังวลว่าไปคนเดียว(หัวเราะ)

นิหน้า: เอาอย่างนี้พูดง่ายๆให้เห็นภาพคือถ้าเค้ากังวลแล้วเรากังวลมันจะยิ่งเพิ่มความนอยด์ในบ้าน

แบงค์: ไม่ใช่ว่าเรากังวลไม่ได้นะในคนที่โรคมะเร็ง แต่ในเมื่อคู่ของเราที่อยู่เคียงข้างๆอ่ะก็คิดแทนเราไปแล้วไปทางเดียวกันแล้วเราก็พูดคุยหาทางออกหาทางที่จะพัฒนาต่อไปสิ จะมาหยุดอยู่กังวลเพื่ออะไร

นิหน่า: ถ้าจะเอาเวลาไปกังวล มานั่งคิดดีกว่าไหมว่าสเต็ปต่อไปเราจะยังไงบ้างจะวางแผนป้องกันมันยังไงดี คิดอะไรที่สร้างประโยชน์ให้กับการรักษาน่าจะดีกว่าคุณหมอก็ใจดีมากให้คำปรึกษาเราตลอด ทำให้เรามีสติ มีกำลังใจซึ่งสำคัญที่สุดในการดูแลกับผู้ที่เจอกับโรคนี้มี

 

ฝากให้กำลังใจคนที่กำลังประสบกับโรคมะเร็งแล้วเครียด..

แบงค์ : พวกเราก็ยังไม่ได้ช่ำชองอะไรกับโรคมะเร็งเพิ่งจะรักษามาได้8เดือนแต่ใครก็แล้วแต่ที่เพิ่งประสบพบเจอที่ต้องเข้าการรักษาป้องกันไม่ทัน คุณอาจจะไม่มีนิหน่าของคุณแต่ผมมีนิหน่าของผม แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก คุณยังมีสมาคมคุณยังกลุ่มก้อน ยังมีสังคมเหล่านี้ศึกษาหาความรู้ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายในหลายๆ องค์กรอยากให้จำตรงนี้ไว้ อย่าท้อเพราะว่าทุกอย่างมีทางออกอยู่แล้ว มีปัญหาต้องมีทางแก้ไขเสมอ

นิหน่า: มาคุยหลังบ้านกับเราก็ได้ เพราะว่าก็มีคนส่งมาเยอะเหมือนกันเราไม่ใช่หมอนะไม่ได้ให้ถามว่ารักษายังไง แต่เรื่องของกำลังใจเชื่อว่าเราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้. ถือว่าเป็นพลังบวกที่เราสามารถให้กันได้อ่ะค่ะ

 

ขอบคุณภาพจาก mjbank

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน