ใจเต็มร้อย! โตโน่ ซ้อมหนักเพื่อเป้าหมาย ONE MAN & THE SEA ปลื้มยอดบริจาคทะลักตั้งแต่ยังไม่ลงทะเล

ใจเต็มร้อย! หลังจาก นักร้องและนักแสดงหนุ่ม โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ได้แถลงข่าวโครงการ ONE MAN & THE SEA หนึ่งคนว่าย หลายคนช่วย ไปเมื่อวันที่29 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่าจะว่ายน้ำตัวเปล่าข้าม 12 เกาะ สุราษฎร์-สมุย เป็นระยะทางกว่า 82 กิโลเมตร เพื่อระดมทุนซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ให้กับศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร จังหวัดภูเก็ต

ใจเต็มร้อย!

ใจเต็มร้อย!

 

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

 

ล่าสุดวันนี้ (6ก.พ.) ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ หนุ่มโตโน่ ภาคิน ซ้อมว่ายในกรุงเทพ และเปิดให้สื่อมวลชนเข้าเก็บภาพบรรยากาศการซ้อม ที่บึงตะโก้ ถนนบางนา-ตราด โดยมี คุณครูผึ้ง สาลินี เขมจรัส ผู้ฝึกสอนว่ายน้ำ ครูทัพพ์ มีทรัพย์วัฒนา ครูสอนทีมพายเรือคายัค และ 2 เพื่อนซี้ ฟิลลิปส์ ทินโรสน์-ซัน เดอะดัสต์ ทีมพายเรือคายัค มาร่วมซ้อมด้วย

ซึ่งก่อนซ้อม ทั้งหมด ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมว่าตอนนี้เตรียมตัวกันไปถึงไหน รวมถึงที่ผ่านมาได้ลงทะเลจริงแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

 

ซัน / ครูผึ้ง / โตโน่ /ครูทัพพ์ / ฟิลลิปส์

ซัน / ครูผึ้ง / โตโน่ /ครูทัพพ์ / ฟิลลิปส์

 

เตรียมแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วใช่ไหม?
ครูผึ้ง: ก็จะเตรียมไว้ให้ได้มากที่สุด

 

มีอะไรที่เป็นตัวช่วยให้คนที่ว่ายน้ำไม่เก่งมากแต่เค้าต้องเตรียมใจมากในการลงไปว่าทะเล?
ครูผึ้ง: คือข้อดีของโน่ เราไปว่ายที่ทะเลมาแล้ว วันนี้ลงทะเลเค้าชิว บางคนเค้าจะลงทะเลเค้าจะแบบไม่ชิล แต่โน่เค้าโอเคมาก วันนั้นรู้สึกว่าเราน่าจะรอดแล้วแหละเราน่าจะโอเค เลยไม่ได้เป็นห่วงในจุดนั้น

 

พี่โน่รู้สึกยังไงกับเรื่องคลื่นลมต่างๆเราห่วงอะไรบ้าง?
โตโน่: จริงๆ ผมมาไกลกว่าที่คิดตั้งแต่แรก ตอนแรกเราคิดว่าใช่ท่ากบว่าย และจะไปกับเรือประมง แล้วก็ใช้ Instagram ไลฟ์สด แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าคนที่ว่ายน้ำเก่งมากมาสอนทีม ผมได้เห็นหลายคนมีน้ำใจมาช่วย ผมได้เห็นนทักษะที่เก่งทุกคน ก็อยากให้บ้านเราดีขึ้น อยากช่วยทะเล ผมได้เห็นยอดบริจาคที่เรายังไม่ได้ทันเริ่มว่ายเลย แล้วแล้วคนไทยหลายหลายคนก็ช่วยกันเข้ามา ผมมีกำลังใจมากและชื่นใจแทนคุณหมอคุณพยาบาลทุกคน ก็มีแต่ใจอยากจะซ้อม อยากจะทำ แต่ในเรื่องของเทคนิค ในเรื่องของการเรียนรู้ก็อาจจะต้องเหนื่อยกับผมหน่อย(หัวเราะ)

 

แล้วในวันจริงเรื่องความเค็มของน้ำ เรื่องของคลื่นเราห่วงในตรงนี้ไหมคะ ?
โตโน่: มันเหมือนกับยินดีที่จะเจอ ผมบอกไม่ได้ว่าผมจะทนได้ขนาดไหนหรือผมจะทำให้สำเร็จประมาณไหน ผมไม่รู้ผมไม่ได้มองว่านั่นมันเป็นความสำเร็จที่สูงสุด แต่ความสำเร็จสูงสุดของผมคือเราได้เห็นทุกคนหันมาช่วยกันดูแลบ้านเราทะเลบ้านเรามากกว่า แต่ในเรื่องของการฝึกซ้อมผมก็จะพยายามเก็บตัวให้เต็มที่ แล้วอย่างที่ทุกคนทราบมาคือในทะเล เราไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นได้บ้าง เราได้แต่เตรียมตัวไปให้ดีที่สุด มีเพื่อนๆที่คอยพายเรือค่อยช่วยดูแมงกระพรุน คอยช่วยดูคลื่น ช่วยดูเป้าให้ มีครูผึ้งมีพวกหมี มีครูใหม่ มีหลายๆคนค่อยว่ายประกบ ผมก็คิดว่ามันก็เตรียมใจจะเจอทุกอย่าง

 

ความรู้สึกตอนที่เราไปซ้อมลงลงทะเลจริงมันเป็นยังไงบ้าง?
โตโน่: อยากภาวนาให้ทะเลมันเป็นแบบนั้น คือคลื่นมันเล็ก แต่ว่าในวันที่ผมไปนั่งเรือกับกองทัพเรือเพื่อดูสถานที่จริง คลื่นมันลูกใหญ่ครับ แต่ว่ามันมาถึงขนาดนี้แล้วครับไม่รู้ว่ามันมีอะไรที่จะต้องกลัวอีก ถ้าเรากลัวแต่แรกก็คงไม่ทำ ยิ่มมาเจอเพื่อนที่ใจดี หลายคน ที่มาช่วยกันทำ กลายเป็ฯหลายคนช่วย เราก็เลยรู้สึกว่าเราพร้อม เราดีใจที่จะได้เห็นทุกคนมาช่วยกันทำในสิ่งนี้

 

การว่ายของโน่จะเป็นแบบไหน จะว่ายจนกว่าจะไม่ไหวแล้วค่อยขึ้นมาพักหรือยังไง?
โตโน่: เราตั้งเป้าเอาไว้ว่าเราทำให้ได้ประมาณวันละ5ถึง 10 กิโล แต่เราก็ไม่สามารถกำหนดว่าวันนี้จะต้องถึง8กิโลทุกๆวัน ต้องขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ คลื่น มรสุม และอากาศด้วย คงได้ซ้อมไปให้ดีที่สุด ตอนนี้เป้าหมายของทีม ครูก็อยากว่ายไปให้ 8 กิโล 10กิโล แต่ตอนนี้ อยู่ที่ 3-4 กิโล ก็พยายามจะให้เพิ่มไป

 

ถ้าระหว่างทางตัวเราเกิดไม่ไหว เราจะขึ้นมาพักหรือยังไง?
โตโน่: ผมจะมีทีมเรือพายัคครับ เราก็คงจะแวะกินวุ้น กินเจลบนเรือคายัค แต่อากาศมันร้อนเกินไปหรือมันเตือนอะไรบางอย่างเราก็จะมีอาจจะแวะกิโลอาจจะหยุดกินเจลครั้งนึง ก็ต้องดูสถานการณ์ เจลเป็นเหมือนกับอาหารที่ไม่ย่อยยาก สามารถกินได้เลมาช่วยให้เป็นพลังงานให้เรา

 

เราเตรียมแผนสำรองไว้ไหมเผื่อว่าร่างกายเราไม่ไหวหรือร่างกายฮีทมาก
โตโน่; ก็มีหมอเมย์ครับ(หัวเราะ) มีหมอเมย์ที่จะคอยช่วยดูแลในเรื่องของกล้ามเนื้อเวลาที่มันบาดเจ็บ แต่ว่าเราทำได้ก็คือซ้อมให้ดีที่สุด ส่วนที่พายเรือก็ดีใจที่ครูทัพพ์มีเพื่อนๆมาช่วยกันมากขึ้น อย่างน้อยๆก็มีคนช่วยดูแมงกะพรุนเพิ่มขึ้น เพราะเรารู้ว่าแมงกะพรุนไฟ กะพรุนหัวขวด กะพรุ่นกล่อง มันเยอะขึ้นความเสี่ยงก็มากขึ้น ก็ต้องอาศัยสองตาของทุกๆคนช่วยกันดู

ครูผึ้ง; มันจะมีในเรื่องของเสื้อผ้าที่เราจะต้องใส่ จริงๆภูมิอากาศแบบนี้เราไม่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำเว็ทสูท แต่ว่าในบางกรณีเราจำเป็นจะต้องใส่เพื่อป้องกันสัตว์เหล่านี้ อาจจะต้องยอมร้อนในบางช่วง

 

ซึ่งตอนที่พี่โน่ว่ายก็จะไม่มีชูชีพ?
ครูผึ้ง; ชูชีพจะให้ใส่อยู่แล้ว แต่ว่าเราจะใส่เป็นบุย ( Buoy อุปกรณลอยตัว) มันจะเป็นเหมือนลูกบอล ถ้าเกิดเราจะจมน้ำ กอดตัวนี้ได

โตโน่; ส่วนใหญ่มันจะเป็นพวกสีสะท้อนแสงสีเหลืองสีส้มอะไรอย่างนี้เพื่อให้ทีมเรือได้มองเห็นเราได้ชัด มันไม่ใช่เซฟเกาะกับเรา แต่ว่ามันจะลอยไปข้างๆตัวเราเรา

ครูผึ้ง; ในระหว่างการว่ายจริงๆมันถ่วง แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเค้าจะให้ชีวิตเรา
โตโน่; มันไม่ได้ช่วยให้เราลอย มันจะลอยไปข้างๆเรา อยู่ที่ว่าเราจะปล่อยเชือกสั้นเชือกยาว เพื่อให้ทีมเรือมองเห็นเราได้ชัด เพราะว่าเวลาอยู่ในทะเลเวลาที่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมจม เค้าสามารถชาร์ทเข้าไปที่บุยนั้นได้เลย

 

 

ครูผึ้ง/โตโน่

 

 

( Buoy อุปกรณลอยตัว)

 

 

มาด้านทีมคายัคบ้าง เพราะทีมคายัคก็เป็นจุดสำคัญ
ครูทัพพ์; ก็ฟิลลิปส์ กับซัน มาซ้อมกับผมได้พักใหญ่แล้ว ตอนแรกมา ก็เป็นคนที่มีทักษะทักษะการกีฬาอยู่แล้ว ก็เลยไม่อยากเท่าไหร่ วันแรกที่เห็นปุ๊บเราสามารถตัดสินได้เลยคนนี้มีอนาคตไหมหรือไม่มีอนาคต(หัวเราะ) แต่ว่าผมเห็นอนาคตที่สดใสครับ อีกเรื่องนึงคือเราซ้อมกันที่น้ำนิ่งที่บึงตะโก้ มันก็คนละเรื่องกับทะเล ฉะนั้นพวกเราก็ได้ไปซ้อมกันที่ทพเลมาแล้วแล้วโชคดีมันมีคลื่นมีลง เราก็เลยได้ไปซ้อมสถานการณ์จริงกันว่า คลื่นขนาดเมตรขนาดเมตร 2 เมตร โน่จะมีความลำบากในการว่าย แต่เรือไม่เท่าไหร่ แต่เค้าทนได้ไหม เพราะว่าคนที่อยู่ในเรือจะสบายกว่าโน่อยู่แล้ว แต่หน้าที่เราคือเราต้องรู้สภาพแวดล้อมเพราะเราต้องมองว่าอะไรเป็นอันตรายต่อนักว่ายมากที่สุด เราต้องเห็นก่อน แต่ว่าคนที่พายก็ต้องมีความสามารถที่จะเอาตัวรอดได้ ซึ่งผมไปมา ผมก็มีความมั่นใจมากขึ้นที่นักเรียนทั้งสองคนผ่านตรงนั้นมาแล้ว แต่ตอนนี้คือต้องเน้นเรื่องสกิลให้เก่งขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ค่อนข้างที่จะมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อยบางครั้ง อาจจะลืมไปบ้าง ก็เป็นเหมือนกับครูผึ้งกับโน่ ของผมก็มี เพราะว่าต่างคนต่างมาจากแบคกราวที่ไม่เหมือนกัน ก็ต้องตั้งใจและฝึกซ้อม

 

 

เห็นว่าทีมคายัคจะเป็นทีมที่เซฟพี่โน่ได้เร็วที่สุด?
ครูทัพพ์; ใช่ครับ เพราะว่าเราอยู่ห่างจากตัวโน่ไม่มาก แล้วคายัคมันจากผิวน้ำถึงตัวที่ผมนั่งอยู่มันไม่ถึงฟุท กับเรือที่เป็นเหรอเครื่องบางที่ไปเป็นครื่นอย่างนี้ การที่มือไปถึงตัวโน่ไปจับขึ้นมายาก แต่ผมสามารถไปประกบได้เลย เพราะคายัคมันต่ำ อีกอย่างคายัคเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนี่คือหัวใจของโปรเจ็กต์เรา

 

ซึ่งวันจริงที่ลง คือมี ฟิลลิปส์ ซัน และครูทัพพ์?
ครูทัพพ์; ใช่ครับ เราไปพร้อมกัน แล้วก็จะมีลำนำหน้า ลำประกบ แล้วก็ลำเก็บกวาดข้างหลัง ก็จะแบ่งหน้าที่กันแกนผิวน้ำ แล้วก็ navigator นำทาง

 

นอกจากเทคนิคธรรมดาแล้วทีมคายัคต้องเรียนเทคนิคช่วยเหลือด้วย?
ครูทัพพ์; ก็อย่างแรกเลย ก่อนจะช่วยเหลือคนอื่น ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองให้เป็นก่อน(หัวเราะ) ก็คือช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือคายัคลำอื่น แล้วก็ช่วยเหลือทีว่ายน้ำ

 

 

 

 

 

 

โตโน่/ครูทัพพ์

 

 

 

ครั้งแรกของฟิลลิปส์ เตรียมตัวยังไงในการมาช่วยพี่โน่ในการพายเรือคายัคในครั้งนี้ ?
ฟิลลิปส์; อันดับแรกก็เชื่อฟังผู้ใหญ่ (หัวเราะ) ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูดแล้วแนะนำแล้ว ก็พยายามจำไว้ ถึงแม้เราจะเป็นคนที่เหมือนละเมอบางครั้ง แต่เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดครับ ฝึกออกไปวิ่ง ฝึกการอดทน เพราะว่าอยู่บนน้ำเราต้องพายตลอดครับ

เราลองไปซ้อมมาแล้ว ถือว่ายากไหม?
ฟิลลิปส์; ไม่อ่ะครับเพราะว่ามีคุณครูเก่งและหล่อแบบนี้ครับ (หัวเราะ)

 

แต่ว่าทีมคายัคเราก็แน่นนั้นเหมือนกัน?
ฟิลลิปส์; ใช่ครับ มีความเน่าแล้วก็สีสันเยอะครับ

 

ฟิลลิปส์ ทีมพายเรือคายัค

 

ฟิลลิปส์

 

 

 

 

 

พี่ซันก็ทีมคายัค?
ซัน: คายัคอยากเหมือนกัน จริงๆต้องบอกว่าโชคดีที่เราได้ครูที่เก่งมากๆเก่งมากๆของประเทศเลยก็ว่าได้ ไม่มีอะไรมากนอกจากฟังครู เราก็จะสามารถทำได้ดีที่สุดในการพาย

 

เท่าที่ซ้อมมาตัวเราประเมิณแล้วเป็นไงบ้าง?

ซัน:จริงๆตอนนี้ก็ถือว่าพร้อมแล้ว เพราะเราก็ไปเจอกับคลื่นที่เราคิดว่าโหดแล้วแหละกับทะเลจริ งถ้าสมมติว่าคลื่นขนาดนั้นแล้วนักว่ายยังว่ายได้อยู่ พวกผมก็สามารถจะสู้ได้แล้วครับ

 

ซัน ทีมพายเรือคายัค

 

 

 

อย่างพี่โน่กะไว้ว่าจะไหว้ให้ได้วันละ 5 ถึง 10 กิโลแต่ตอนนี้เราฝึกได้มาแค่ 4 กิโล หากวันจริงเราไม่ได้ตามเป้าหมายจะต้องมีการเลื่อนวันเวลาออกไปไหม?
โตโน่: ใจผมอยากทำให้สำเร็จในสิ่งที่เราตั้งเอาไว้ 18 วันก็คือ 18 วัน อยากให้ถึงในวันที่ 5 เมษายน ผมจะพยายามทำให้ได้ เป้าหมายคือทำให้มันได้ ไม่อยากต้องมาผลัดวัน แค่นี้ผมก็เกรงใจ เพราะทุกๆคนมาด้วยใจกันหมดเลย ในวันที่เราเหล่าให้เค้าฟั งเค้าใช้เวลาตัดสินใจในแต่ละคนไม่ถึง 2 นาที ตอบรับเลยแล้วก็ไม่เคยทิ้งไปไหน มาซ้อมทุกครั้งทุก ทุ่มเททุกอย่างที่มีให้กับผม ดังนั้นผมอยากทำให้มันสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้

 

แสดงว่าแผนงานที่เป็นรายได้ของเราก็ต้องพักไปทั้งหมดในช่วงเวลาที่จะต้องเตรียมตัว ?
โตโน่:เราเริ่มพักมาตั้งแต่ที่เริ่มซ้อมแล้วครับ แต่ว่าเรายังไม่ได้บอกใครเฉยๆ มันต้องลดงานลงเพื่อที่จะซ้อม แต่มันเป็นสิ่งที่ผมมองว่ามันคุ้มค่าสำหรับส่วนรวม

 

คือทั้งวงเลยใช่ไหม?
โตโน่: วงด้วยครับ วงก็โนไปเต็มๆ ซันก็ต้องมาซ้อมกับเรา นักร้องก็อยู่นี่ มือกีต้าร์ก็อยู่นี่ (หัวเราะ)

 

แล้วสมาชิคคนอื่น?
โตโน่: เค้าก็มาช่วยเก็บขยะ อย่างตอนเช้าก็ไปซ้อม เพื่อนๆก็ไปซ้อมกัน แล้วก็ไอ้งานที่เรารับไว้แล้ว เราก็ต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตอยู่บ้าง แต่ว่าในช่วงนี้คงจะได้รับเพิ่ม เพื่อจะได้ซ้อม

 

งานของวงพี่โน่รับถึงวันไหน?
โตโน่: ถึงแค่เดือนนี้ครับ แค่เดือนกุมภา แล้วมีงานเดียวด้วยครับ เดี๋ยวจะไปที่น่าน แล้วก็ซ้อมยาวเลยล่ะเพราะว่าไม่ได้แล้ว

 

แสดงว่าเพื่อนในวงก็ต้องให้ใจกันสุด?
โตโน่: ผมเชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนรู้ ว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ มันไม่ใช่เป็นเรื่องของผมหรือทีมของเรา แต่มันคือเรื่องของพวกเราคนไทยทุกคน ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่ามันคุ้มค่ากับลูกหลานเรา มันคุ้มค่ากับน้ำตาคุณหมอ คุณพยาบาลที่เค้าเสีย ถ้าเราจะพอช่วยซับให้เขาได้ มันสำคัญกว่าเรื่องของตัวเอง

 

เพื่อนในวงก็จะต้องเข้าใจในเรื่องของรายได้ที่เบรกไปสักพักหนึ่งใช่ไหม?
โตโน่: จริงๆไม่ใช่แค่เพื่อนๆในวง แต่ทุกๆคนที่มามีรายได้หมด แต่เค้าก็มามาซ้อม ทุกคนรู้ครับ รู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่มันสำคัญนัก

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน