กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที กรณีที่นักแสดงสาว แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ โพสต์รูปคู่กับ น้องอีสเตอร์ เด็กน้อยที่เคยประกาศในตอนแรกว่าเป็นลูกของ กระติก ผู้จัดการส่วนตัว พร้อมเขียนข้อความว่า “อ่ะยอมรับก็ได้ว่าอุ้มบุญ #babyEasty” จนแฟนคลับเข้ามาร่วมยินดีด้วย และส่วนหนึ่งเข้ามาแสดงความคิดเห็นแย้งว่าการอุ้มบุญยังไม่มีกฎหมายรองรับในประเทศไทย จนสาวแตงโมต้องเข้ามาตอบว่า “55555555 เก๊าล้อเล่น” ก่อนจะชี้แจงต่อว่า “พูดเล่นค่ะ ละการอุ้มบุญที่แท้จริงต้องหน้าเหมือนค่ะ เพราะไข่เป็นของแม่แท้ๆ ค่ะ”

ล่าสุดผู้สื่อข่าว ‘ข่าวสด’ โทรศัพท์ติดต่อไปยัง กระติก ผู้จัดการส่วนตัวนางเอกสาว ได้รับการเปิดเผยว่า “มันเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่มีอะไรเลยค่ะ ข่าวก็เหมือนกับที่เข้าใจกันแต่ก่อนแล้ว ว่าป็นลูกผู้จัดการนะ โมรับเป็นลูกบุญธรรม คือเรื่องนี้มันจบไปแล้วนานมาก แต่มาเป็นประเด็นจากการโพสต์นี้แหละ โมเขาโพสต์เล่นๆ ไม่ได้คิดอะไร รูปนั้นคงหน้าเหมือนเขาเลยแซวตัวเองว่าอ่ะๆ ยอมรับก็ได้ ซึ่งจริงๆ ไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ และไม่มีหน่วยงานไหนโทรมานะ แต่ล่าสุดที่เป็นข่าวใหญ่ๆ เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว มีนายแพทย์ท่านหนึ่งโทรมาหาเราว่า การโพสต์มันจะทำให้เกิดผลกระทบได้ คือเขาเล่าให้นักข่าวที่โทรไปหาเขา ว่าการอุ้มบุญมันยากนะ มันไม่ได้ทำกันง่ายๆ และเรื่องตรวจดีเอ็นเอคือไม่จริงนะ อย่าไปเชื่อ คือนายแพทย์ท่านนี้เขาบอกกระติกมานะ ว่ามันไม่มีการตรวจดีเอ็นเออะไรทั้งนั้น ไม่มีสิทธิ์มาตรวจ เขาให้ข้อมูลมาแบบนี้ บางทีข่าวก็เว่อร์ไป คือมันไม่มีอะไรเลย มันเบสิกมาก เหมือนก่อนๆ ที่โมโพสต์รูปหมาแล้วก็มีประเด็น ไม่ต่างอะไรกับตอนนั้น อาจจะเพราะเป็นโมด้วยมั้ง คนอื่นเล่นแรงกว่านี่ยังไม่เห็นเป็นไรเลย”

ตอนที่โมโพสต์ข้อความว่ายอมรับ เราอยู่ด้วยไหม “เปล่าค่ะ คือต่างคนต่างใช้โทรศัพท์ เขาโพสต์อะไร พอเราอ่านก็รู้อยู่แล้วว่าเขาแซวตัวเองเพราะหน้าเหมือน ทำปากทำอะไร คือก็มีคนเข้ามาแซวเยอะว่าหน้าเหมือนพี่โมเลย ไม่มีใครแซวว่าหน้าเหมือนกระติกเลย(หัวเราะ) เขาเลยตามกระแสคอมเมนต์แล้วกัน คือ 90 เปอร์เซ็นต์คนจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวเป็นยังไง แต่มันจะมีเปอร์เซ็นต์เล็กๆ ที่บอกประมาณว่า ว่าแล้วเนี้ยเถียงกับเพื่อนตั้งนาน คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นลูกพี่โม และคือว่ากลายเป็นข่าวไปเล่นส่วนเล็กนี้”

หลังจากมีกระแสแล้ว เราได้รับผลกระทบอะไรไหม “ผลกระทบเรื่องรับโทรศัพท์นี้แหละ จริงๆ ตั้งแต่เช้า ต้องมานั่งอธิบายซ้ำไปซ้ำมาเราก็เข้าใจ คือเมื่อวานมีนักข่าวโทรมา โมเองก็คิดว่าเป็นเรื่องน่ารักๆ เลยตอบตกลงว่าจะให้สัมภาษณ์ไปวันนี้ แต่เมื่อเช้าพอข่าวออก เราดูแล้วรู้สึกว่าเรื่องมันไกลไปถึงขั้นตรวจดีเอ็นเอ กระทรวงเลย ดูเยอะไปหน่อย พอโทรไปเล่าให้โมฟังว่าข่าวมันใหญ่โตมาก เขาก็หัวเราะเพราะยังไม่เห็นข่าวไง แต่พอใกล้ถึงเวลาสัมภาษณ์โมเข้าไปดูลิงค์ข่าวนี้แล้ว เปลี่ยนใจไม่ให้สัมภาษณ์แล้วเพราะเรื่องมันไกลเกิน ตอนแรกโมคิดว่าจะเรื่องน่ารักๆ ไม่ใช่ดราม่า แต่มันกลายเป็นคนละประเด็น”

ตั้งแต่มีเรื่องราว โมยังไม่ได้ชี้แจงกับใครเลย “ยังค่ะ มีแต่นักข่าวโทรมาหาเรา เราก็อธิบายไปตามเดิม แต่จะให้เราออกไปพูดเลยก็ไม่ใช่หน้าที่เรา หน่วยงานก็ไม่มีโทรมา คือเอาจริงๆ ถ้าอุ้มบุญจริงๆ ใครจะมาโพสต์ มันต้องชี้แจงตั้งแต่แรกเพราะเป็นเรื่องกฎหมาย เข้าใจนะเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวกรณีอุ้มบุญนั้นนี่ แต่โมมันเป็นดารามันคงไม่ฆ่าตัวตายด้วยวิธีแบบนี้(หัวเราะ)”

ได้คุยกับโมไหมว่าหลังจากนี้เวลาโพสต์อะไร อาจจะเบาๆ ลงหน่อย “โมเขาโดนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว โพสต์ไม่มีอะไรถ่ายรูปกับหมายังเป็นประเด็นเลย เพราะเราไม่รู้ว่าคนจะมาดราม่าเรื่องอะไร บางอย่างมันห้ามกันไม่ได้ แล้วแคปชั่นก็ไม่ได้ไปทำร้ายใครด้วย ไม่ได้ด่าใครด้วย แค่อะๆ ยอมรับก็ได้ กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่บางทีโมลงแรงกว่านี้ยังไม่เป็นอะไรเลย คือมันแล้วแต่กระแสคนอ่านด้วย เราก็ไม่อยากคิดแทนโมแต่เราก็เข้าใจนะ คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเขียนอะไร”

หลังมีข่าวจะตรวจดีเอ็นเอ หรือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) จะให้เข้าชี้แจง ทางแตงโมเครียดไหม “ไม่เครียดๆ เราสองคนไม่มีเครียด แต่งงว่าอะไร ทำไมไปถึงขนาดนั้น มันไม่ใช่เรื่องเครียด ตอนแรกก็ตลก แต่เยอะๆ ไปก็ไม่ตลกเพราะเริ่มจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย แต่โซเชียลหรือคนไม่รู้ถ้าอ่านข่าวก็คงตกใจ จะมีแต่คนในที่รู้ว่าไม่มีอะไร ยังไงก็ต้องรอโมชี้แจง ถ้าเงียบก็เงียบ แต่ถ้าไม่เงียบก็ให้เขาจัดการ เขาชัดเจนของเขาอยู่แล้วเวลาทำอะไร แต่ยืนยันเลยว่าลูกพี่เอง พี่ท้องเองค่ะ(หัวเราะ)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน