มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

โลกมายาเหมือนบ้าน-ขัดเกลาเลี้ยงดู

คอลัมน์ อาทิตย์ใส

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ – โลดแล่นอยู่วงการบันเทิงมา 13 ปี ตั้งแต่อายุ 17 สำหรับนางเอกสาว ‘มิน’ พีชญา วัฒนามนตรี จนวันนี้ดังเป็นพลุแตก มีทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ

ล่าสุดจับคู่พระเอก ‘มิกค์ ทองระย้า’ เรียกเสียงฮาในละคร “สะใภ้อิมพอร์ต” ทางช่อง 7 เล่นรับส่งเข้าขาจนได้ฉายา “คู่จิ้นดิสนีย์แลนด์”

วันนี้จังหวะดีมีโอกาสพูดคุยกับสาวฮอต

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

กระแสละคร “สะใภ้อิมพอร์ต” เป็นอย่างไรบ้าง?

มิน – “ดีเกินคาด เป็นการเจอกันครั้งแรกกับมิกค์ แล้วละครดูเบาๆ สบายๆ ละครมาถูกจังหวะ มาในจังหวะที่คนโหยหาละครตลก ซึ่งการเล่นคอมเมดี้จะว่าเป็นทางของมินก็ใช่นะ ตัวตนจริงๆ เป็นแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่จะไว้ใจให้เล่นดราม่า (หัวเราะ) เขาเชื่อว่ามินเล่นได้ จริงๆ ก็ได้หมด แต่จริงๆ ชอบเล่นคอมเมดี้”

นอกจากคอมเมดี้ ในเรื่องเลิฟซีนก็เยอะ?

มิน – “มันคือละคร ต้องมีความกุ๊กกิ๊กเฉยๆนะกับเลิฟซีน เพราะมันเป็นบท เราเอาแต่พอดีมันคือจุดยืนเรา อะไรที่เป็นมืออาชีพเอาให้พอดี อย่าให้ผิดศีลธรรม ไม่น่ารัก แค่นี้พอแล้ว”

มีเรื่องต่อไปหรือยัง?

มิน – “ไม่รู้ว่าบทจะหนักขนาดไหน รู้แค่เป็นโรแมนติกดราม่า มินเล่นได้หลายบทบาท ถ้าให้ทำอะไรนานๆ จะเบื่อ ให้เล่นอะไรซ้ำๆ จะไม่แฮปปี้ ร้ายก็เล่นแล้ว เจ้าน้ำตา คอมเมดี้ บู๊เรื่องนี้ก็บู๊นะ เตะต่อยเยอะมาก แต่ถ้าเป็นละครบู๊จ๋าไม่น่านะ เพราะคนไม่เชื่อว่าจะเป็นทางเรา”

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

อยากได้บทแบบไหนอีก?

มิน – “อยากได้อะไรที่ทันยุคทันสมัยมากขึ้น เกี่ยวกับปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ดูเรียลขึ้น พีเรียดไม่เอา เพราะไม่เหมาะ คิดว่าคงได้เล่นแต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ ปีนี้คิดว่า 2 เรื่อง ถ่ายทีละเรื่อง ส่วนใหญ่จะรับงานแบบนี้ เพราะเรามีงานอื่น บางทีปุ๊บปั๊บไปต่างประเทศพรีเซ็นเตอร์ อีเวนต์ ซึ่งงานต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นงานแฟชั่น ปีที่แล้วไปเยอะ 8 งาน 8 ประเทศ เกือบทุกเดือน”

งานเราจะเน้นต่างประเทศมากขึ้น?

มิน – “เรารู้สึกโลกมันแคบลง ถ้าเราได้ภาษาโลกก็จะแคบลงและง่ายขึ้น เวลาไปต่างประเทศก็จะคอนเน็กต์กันโดยแพลตฟอร์มของออนไลน์ เช่น อินสตาแกรม ไลน์ หรือวีแช็ต ก็รู้จักกันหมด ไปประเทศไหนก็มีแต่เพื่อนๆ”

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

จากครั้งแรกที่ไปทำงานต่างประเทศ จนถึงวันนี้ความรู้สึกต่างกันไหม?

มิน – “รู้สึกเป็นเกียรติมาก ทั้งกังวล ตื่นเต้นจะไปดีมั้ย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ทำงาน แต่พอทำไป 2-3 ครั้งก็เข้าใจ และรู้แนวว่าเป็นงาน ยังไง เตรียมตัวยังไง ทำงานง่ายขึ้น กว่าจะเลือกชุดได้แต่ละที จากร้อยชุด เหลือ 20 ชุด แล้วต้องให้เหลือ 10 เหลือ 5 คัดกันตาเปียก ปีที่แล้วดูเสื้อผ้าเยอะมาก แล้วก็ฟิตติ้งเครื่องเพชร”

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

แต่ดูแพงทุกชุด?

มิน – “เราเน้นความลงตัวมากกว่าความแพงเว่อร์จนดูไม่รู้เรื่อง เราต้องการความสวย ความพอดี แต่ละครั้งที่ไปเหนื่อยกับการแต่งตัว เพราะมันเป็นอาชีพเราที่เกี่ยวกับความสวย มันก็ดีนะ รู้สึกโชคดี เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับความสวย มันเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนอยากทำ รู้สึกโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก”

ดาราไทยได้ไปงานแฟชั่นต่างประเทศมากขึ้น กังวลการโดนเปรียบเทียบไหม?

มิน – “ไม่กดดัน ไม่เคยรู้สึกว่าจะแข่งกับใคร นอกจากแข่งกับตัวเอง แข่งกับตัวเองน่ากลัวที่สุด จะกดดันก็ต่อเมื่อครั้งที่แล้วทำไว้ดีมาก มาครั้งต่อไปจะซ้ำก็ไม่ได้ จะน้อยกว่าก็ไม่ได้ มาตรฐานเราสูงขึ้นเรื่อยๆ การมาถึงจุดนี้จุดที่มีงานต่างประเทศด้วยรู้สึกดีนะ เพราะชอบอยู่แล้ว สมัยเรียนก็เรียนเกี่ยวกับด้านภาษาอังกฤษ ชอบคุยภาษาอังกฤษกับฝรั่ง คุยผิดคุยถูก มินคุยหมด ชอบเรียนภาษา”

ตอนนี้พูดได้กี่ภาษา?

มิน – “ไทย อังกฤษ และจีนนิดหน่อย มินมีหนังของจีนถ่ายไป 2 เรื่องแล้ว อยากมีอีกเรื่อยๆ มินชอบไปประเทศจีน ด้วยมีเชื้อจีน อาก๋งก็มาจากจีน เรารู้สึกว่าเหมือนบ้านพี่บ้านน้อง มินมีชื่อจีนว่า ‘ชิว หมินหมิ่น’ มินชอบทำงานต่างประเทศ จะได้วัฒนธรรมใหม่ๆ ได้แนวคิดใหม่ๆ มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา มันมีความเป็นเราด้วย ชอบความท้าทาย ไม่ชอบอะไรจำเจให้ทำบทเดิมๆ ก็ไม่รับเลย เราทำงานต้องซื่อสัตย์กับตนเอง ถ่ายละครเรื่องนึงใช้เวลา 1 ปี ถ้าเลือกสิ่งที่ไม่มีความสุข คุณผู้ชมก็จะได้รับสิ่งที่ไม่มีความสุข”

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

แฟนคลับชาวจีนรู้จักเราเพราะหนังจีน หรือละครไทยที่ไปฉายที่จีน?

มิน – “ทั้งสองอย่างค่ะ อย่างหนังจีนเรื่องแรก มินโชคดีได้เล่นกับพระเอกดาวรุ่งของเขาชื่อ จูอี้หลง ซึ่งตอนนี้ดังมาก ปีที่แล้วก็ได้เจอกันที่คานส์แว้บๆ ซึ่งการทำงานที่จีน มินไม่มี เอเยนต์ เป็นฟรีแลนซ์ค่ะ”

อยากไปไหนอีกไหม?

มิน – “แล้วแต่โอกาส มินเป็นคนเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ เพราะอยากทันโลก เมื่อโอกาสมาเราพร้อม เพราะหลายคนโอกาสมาแต่เขาไม่พร้อม โอกาสมันก็จะไปให้คนอื่น เลยคิดตลอดว่า ไม่ว่าโอกาสไหนที่เข้ามา เราจะพร้อมรับมันทุกเมื่อ ด้วยเราอยู่วงการมาสักพัก เรากลัว เราเคยเห็นมาทุกรูปแบบ เห็นคนที่เข้ามาแล้วไป เราอยากเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ตื่นตัวอยู่ตลอด เหมือนบางคนหมดไฟ ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ เกินไป เราอยากสนุกกับความท้าทายใหม่ๆ มินมีคุณพ่อเป็นไอดอล ท่านเก่ง ไม่ยอมแก่ อย่างตอนนี้ บล็อกเชน (Blockchain) กำลังมา พ่อก็เรียนรู้ว่าบล็อกเชนคืออะไร คุณพ่อวัยรุ่นมาก มินเชื่อเรื่องนึงว่า คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แล้วเราจะเอาเวลาเหล่านี้ไปลงกับอะไรเพื่อเกิดทักษะต่างๆ อย่างมินเอาไปลงการแสดง เรียนรู้ด้านอื่นๆ ที่ชอบ แล้วเราก็เอามาแชร์กัน เพราะคนเราจะเก่งทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ก็อาศัยเรียนรู้จากคนรอบข้าง”

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

ไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอะไรกับเราบ้าง?

มิน – “กระทบแหละ มีงานเลื่อนหลายงาน มีกระทบรายได้บ้าง งานต่างประเทศโดนยกเลิกไปเยอะ อีเวนต์ที่ประเทศจีนจริงๆ ต้องมีเพราะมีละครไปฉายที่โน่น ตอนแรกมีติดต่อมาจากทางโน้นแต่ไม่น่าจะได้ไปแล้ว เงียบไปเลย”

ตั้งแต่เข้าวงการ

ชีวิตมินตั้งแต่เข้าวงการ จนมาถึงวันนี้เปลี่ยนไปเยอะไหม?

มิน – “เปลี่ยนไปเยอะ โตขึ้นเยอะ เรียนรู้อะไรมากขึ้น มันก็คือเด็กคนนึงที่เข้าวงการตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นอายุ 17 ปี กินนอนในกอง วงการเป็นเหมือนบ้าน วงการขัดเกลาเรา คุณผู้ชมทั้งประเทศคือคนที่เลี้ยงดูเรามา ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ การวางตัวในที่สาธารณะ เขาก็ขัดเกลาให้เราเป็นเดอะเบสต์ของเรา ไม่ได้เปลี่ยนความเป็นเรา แต่เราดีขึ้น ในเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริงๆ เราก็เรียนรู้ ทำให้เราเติบโตและพัฒนาตัวเอง เราไม่ใช่คนที่ขัดขืน สามารถติชมได้ พร้อมรับฟัง”

ตัวตนเราเป็นแบบไหน?

มิน – “ค่อนข้างจะคล้ายๆ นางเอกในสะใภ้อิมพอร์ต รั่วๆ หน่อย มีความผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตก”

คนจะมองมินทำตัวดูแพง?

มิน – “มันก็ดีนะ ไม่ดีตรงไหน (หัวเราะ) สมัยก่อนมินเป็นคนที่ไปไหนง่าย ทำอะไรก็ง่าย เลยกลายเป็นว่าเราเปิดมากซะจน บางทีโดนอะไรแปลกๆ โดยไม่ได้รับการคัดกรอง”

เรียกว่าเคยถูกเอาเปรียบ?

มิน – “อย่างสูง (หัวเราะ) ซึ่งมันทำให้มินกลายเป็นมินเลย เพียงแต่มินมีพี่ๆ ที่เข้ามาช่วยดูแล ทีมโตขึ้น เป็นทีมเวิร์กมากขึ้น อยู่ในรูปแบบของบริษัท”

แล้วหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

มิน – “ดีค่ะ ปกติหวานขึ้นมั้ย มินว่าสม่ำเสมอค่ะ ตอนนี้ก็คบกันมา 4 ปีแล้ว ไวเหมือนกัน”

อายุก็เหมาะสมแล้ว?

มิน – “ยังเด็กอยู่ ไม่รีบ ทำงานไปก่อน”

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

แต่หวานใจเรา (โอ๊ต พิทักษ์) ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมพร้อมแล้ว ต้องถามว่าน้องเขาพร้อมหรือยัง”?

มิน – “ก็ตามนั้นเลย พี่พร้อม น้องยังไม่พร้อม (หัวเราะ) น้องยังหาตังค์อยู่ เขาเป็นสุภาพบุรุษ ขอบคุณที่ให้เกียรติ ตอนดูเขาให้สัมภาษณ์ก็รู้สึกดีนะ คุณพ่อคุณแม่ดูท่านก็ยิ้ม รู้สึกว่าเขาให้เกียรติลูกสาว ตรงไปตรงมา จีบก็บอกว่าจีบ ด้วยเขาอยู่กับปัจจุบัน เข้าใจธรรมชาติคนที่อยู่รอบตัว ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์มันดี”

กว่าจะเปิดตัวคนนี้ก็นานพอสมควร?

มิน – “เราต้องแน่ใจก่อน ตัวคุณชัดเจนหรือยัง ถ้าฉันชัดเจน คุณชัดเจน เราโอเค เราไม่ได้วูบวาบ มินจริงจังกับเรื่องนี้เสมอ เพราะคิดว่าเป็นการให้เกียรติกัน ถามว่าดูแลกันดีมั้ย ดีนะ ในความรู้สึก ต่างคนต่างมีแพสชั่นในงาน สนับสนุนกันในสายงานที่มี ส่งเสริมกันในทางที่ดี”

ในเรื่องงานแสดง เราต้องเล่นเลิฟซีน เขามีขอไหม?

มิน – “เป็นเรื่องที่เราต้องให้เกียรติเขา และเขาต้องเข้าใจว่ามันเป็นงานเรา จะบอกเสมอ ส่งบทให้ดู ไม่ได้แอบทำ”

ที่บ้านเรามีลูกสาวคนเดียว เขาหวงไหม?

มิน – “หวง แต่ก็อยู่บนความพอดี จะบอกว่าไม่หวงก็ไม่ได้ พ่อกับลูกสาว แม่นี่ไปกันใหญ่ (หัวเราะ) หวง แต่ชอบอ้างพ่อ เขาจะชอบบอกว่า ป๊าฝากมาบอกว่า (หัวเราะ) เราก็จะรู้ว่าคุณนั่นแหละ ซึ่งพ่อแม่ค่อนข้างเชื่อใจในตัวมิน แล้วเราไม่ค่อยทำอะไรให้ท่านเป็นห่วงเท่าไหร่”

มินเปิดรับโอกาสทุกรูปแบบ

ช่วงนี้เห็นคนคุกเข่าขอแต่งงานเยอะ อยากมีโมเมนต์นั้นบ้างไหม?

มิน – “พูดจริงๆ เวลาที่เห็นใครขอแต่งงานกันจะรู้สึกดีใจไปกับเขา แต่ไม่เคยนึกถึงตัวเอง ไม่เคยคิดภาพไกลขนาดนั้น เราอยู่กับปัจจุบัน”

แต่เขาก็เซอร์ไพรส์เก่ง ชอบให้ดอกไม้?

มิน – “สตอรี่เป็นอย่างนั้น เราเป็นผู้หญิงชอบทำงานชอบซื้อของให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่อยากเป็นภาระให้ใคร เพราะฉะนั้นในชีวิต เราตกลงชัดเจนว่าทุกอย่างหารสอง ทานข้าวช่วงแรกหารสอง แต่ช่วงหลังเขาจะเลี้ยง แต่อย่างซื้อของให้กัน ต่างคนต่างให้ เท่าเทียมจริงๆ ทุกอย่างหารสองไม่ต้องมีใครแบกใคร”

เคยคิดถึงชีวิตคู่ไหม?

มิน – “ไม่เคยคิด มันไกลไป คิดไม่ออก กลัวไม่เป็นไปตามที่คิด ตอนเด็กๆ เคยคิดอยากแต่งงานตอนอายุ 20 ปี พอใกล้ๆ 20 ก็บอกจะแต่งตอนอายุ 25 พออายุ 25 ก็บอกจะแต่งอายุ 30 ปี พออายุ 30 ปี จะแต่งตอนอายุ 32 แต่เอาเข้าจริงอย่าไปคิดมันเลยดีกว่า เพราะอายุไม่ใช่เกณฑ์ ยิ่งเราโตขึ้นรู้สึกว่าเรายิ่งใช้ชีวิตง่ายขึ้น พอมีทุกอย่างแล้วสิ่งที่เราอยากได้คืออยากมีความสุข และมีคนจริงใจในชีวิต เรามีความสุขกับคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วนั่นก็คือครอบครัว อยากใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ ไม่ได้อยากเป็นคนเก่งที่สุด ไม่ได้อยากเป็นคนรวยที่สุด แต่อยากเป็นคนที่มีความสุขที่สุด”

ตอนนี้ยังเป็นลูกสาวของพ่อแม่?

มิน – “ใช่ ขอใช้ชีวิตเป็นคนที่มีความสุขกับตัวเอง จนวันนึงจะเป็นคนที่มีความสุขที่จะมอบให้คนอื่นอย่างมีพลัง เหมือนว่าฉันเพิ่งได้ออกมาใช้ชีวิตเอง สมัยเรียนก็ทั้งเรียนและทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนเพื่อนๆ คนอื่น โตมาทำงาน มันก็เลยยังไม่ถึงจุดที่พอใจกับการที่เราเป็นตัวของตัวเอง ด้วยเราเป็นคนปล่อยวางไม่ค่อยได้ด้วย หน้าที่ลูกก็ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วโน่นนี่ที่อยากทำ ถ้าถามเรื่องความรักก็จะตอบเหมือนเดิม ไม่ได้บ่ายเบี่ยง ไม่ได้ตอบแบบดาราด้วย เพราะมันมีแค่นี้จริงๆ”

ปีนี้วางแผนชีวิตและงานไว้อย่างไร?

มิน – “มีละครออนไลน์ มีช่องแชนแนลของเรา ปีนี้จะได้เห็นมินในช่องออนไลน์มากขึ้น ด้วยเราชอบอะไรใหม่ๆ งานละครก็ยังเป็นงานหลัก แต่งานเบื้องหลังยังไม่คิดอยากทำ”

“เรื่องงานมินอยากทำอะไรที่หลากหลาย เพราะอยากทดลองความชอบใหม่ๆ ในทุกๆ ปีจะมีอาชีพใหม่ๆ ขึ้นมา โลกหมุนตลอด ถ้าเราหยุด เรากลัวว่าเราจะกลายเป็นไดโนเสาร์ เราอยากใหม่ตลอดเวลา แล้วมินมีความฝันอยากทำอาหารคลีนอร่อยๆ เพราะพอพูดถึงของคลีนจะคิดว่าไม่อร่อย เลยอยากทำอาหารคลีน ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ เป็นอีกธุรกิจที่อยากจะทำ”

อนงค์ จันทร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน