น้ำหวาน ภรรยา นาวินต้าร์ เครียดหนัก หาห้องพักคลอดไม่ได้ กลัวลูกเสี่ยงติดโควิด

ใกล้ถึงกำหนดคลอดลูกคนที่สองในสิ้นเดือนเมษายนนี้แล้ว สำหรับไฮโซสาว น้ำหวาน พัสวี พยัคฆบุตร ภรรยาคนสวยของ นาวิน ต้าร์ นักร้องนักแสดงชื่อดัง แต่ที่ทำให้ทั้งคู่เครียดหนัก เพราะที่ผ่านมาเจอผลกระทบจากโควิด-19 หนุ่มต้าร์ต้องแยกตัวออกไปอยู่ห่างลูกเมียในช่วงกักตัว 14 วัน เพราะเกรงว่าถ้าตัวเองติดโควิดขึ้นมาจะมีผลกระทบกับเมียและลูกในครรภ์ รวมทั้งลูกสาว น้องลูก้า อีกคน อีกทั้งยังมีเรื่องที่ทำให้เครียดหนักอกหนักใจ เพราะยังหาห้องพักหลังคลอดไม่ได้จากโรงพยาบาลที่ไปฝากครรภ์ ข่าวสดออนไลน์ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อสอบถามกับน้ำหวาน ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจถึงความเครียดและกังวลที่ต้องคลอดในช่วงภาวะวิกฤตโควิดในตอนนี้

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
ใกล้คลอดแล้ว?
“ตื่นเต้นค่ะ ก็มีเรื่องเครียดด้วย ก่อนหน้านี้พี่ต้าร์ยังถ่ายละครอยู่ ตอนนี้เพิ่งหยุดไป คือเขาต้องออกจากบ้านทุกอาทิตย์ น้ำหวานกังวลเกี่ยวกับลูก้าและเกี่ยวกับตัวเองด้วย พี่ต้าร์เขาเลยต้องกักตัวแยกออกไป ตอนนี้เพิ่งครบกำหนดกักตัวแล้ว มาเจอลูกเมียได้ปกติ”

เห็นว่าเครียดหาห้องพักคลอดไม่ได้?
“ตอนแรกเราจองไว้อีกชั้นหนึ่ง คราวนี้บังเอิญว่าที่โรงพยาบาลชั้นที่ผ่าคลอดกับชั้นที่พักฟื้นมันควรจะเป็นชั้น 6 เราจองไว้ก่อนหน้านี้สักประมาณ 2-3 เดือนแล้ว พอมาใกล้วันคลอดก็ต้องการจะเปลี่ยนเพราะมันมีโรคระบาด ต้องการเปลี่ยนให้อยู่ในชั้นเดียวกัน เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ต้องขึ้นลิฟต์ไปมา ปรากฎว่าห้องเต็ม คือเราไม่อยากให้ลูกขึ้นลิฟต์ไปชั้นที่น้ำหวานอยู่เพราะเขาต้องขึ้นลงทุกวัน ก็เลยอยากอยู่ชั้นเดียวกับชั้นเนอสเซอรี่ ตอนนี้ยังไม่มีห้อง”

กำหนดคลอดเมื่อไหร่?
“กำหนดคลอดอยู่ระหว่างวันที่ 30 เมษายน ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม ตอนนี้ยังลุ้นเรื่องห้องอยู่เลย เพราะว่าตอนแรกมีฤกษ์คลอด แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนใจแล้วว่าถ้าได้ห้องคลอดเมื่อไหร่ ในช่วงวันที่เราสามารถคลอดได้ก็จะคลอดวันนั้น แต่ว่าถ้าเกิดไม่ได้ห้องก็มาปรึกษากันอยู่ว่าต้องย้ายโรงพยาบาลหรือเปล่า ถ้าเราอยู่ชั้นบนที่เราเคยจองไว้มันจะมีวิธีที่ทำยังไงให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด”

คุณหมอให้คำแนะนำอย่างไร?
“คุณหมอก็แจ้งว่าทางโรงพยาบาลมีระบบฆ่าเชื้อในอากาศที่ปลอดภัย แต่ตัวน้ำหวานเองพอถึงเวลาอัลตร้าซาวด์ก็ยังไม่ไปซาวด์เลย แม่ที่ตั้งครรภ์จะมีภาวะเกี่ยวกับปอดมันจะดรอปลงเรื่องภูมิต้านทานในตัว ก็เลยไม่ไป เดี๋ยวรอคลอดทีเดียวเลย”

ช่วงนี้อยู่บ้านไม่ออกไปไหนเลย?
“อยู่บ้านตั้งแต่ปีใหม่ค่ะ”

นาวินต้าร์ดูแลเป็นห่วงมากขนาดไหน?
“พี่ต้าร์ก็เครียดตรงที่ปกติพี่เขาจะช่วยดูตลอด แต่พอเขาติดงานที่เขาต้องไปทำ มันก็ต้องเซฟทั้งตัวน้ำหวานและลูก้าด้วย ก็เลยแยกเขาออกไป เขาก็เครียดเขาก็ไม่ได้ช่วยดูแล แถมยังต้องมากักตัวเป็นภาระของครอบครัวเขาก็คิดไปเองนอยด์ไปเอง”

น้องลูก้ารู้เรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไหม?
“ลูก้าเขาก็รู้ว่าโควิดมันน่ากลัว เราก็สอนเขาทุกวัน ต้องสอนเขาว่าปะป๊าเนี่ยยังไม่รู้ว่าป่วยหรือเปล่านะลูก เพราะเขาร้องไห้ พอเขาเห็นปะป๊าใส่แมสแล้วไม่ยอมกอดเขา อยู่ในห้องกระจก เขาก็ไม่ได้สัมผัสปะป๊าเลย เขาก็ร้อง ทำไมปะป๊าไม่กอดลูก้าล่ะ เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่น้ำหวานว่าเขาก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด เขาก็เสียใจ ด้วยความเป็นเด็กแหละ เราก็พยายามบอกเขาว่าเดี๋ยวจะมีเพื่อนเล่นมาให้นะลูก แต่ลูก้าเขาตื่นเต้นนะที่เขาจะมีน้อง เขาก็บอกว่า มะม๊าไปโรงพยาบาลจะมีโคโรน่าหรือเปล่า เราสอนเขาโรงพยาบาลน่ากลัวมากลูกมันมีโคโรน่า เขาก็เป็นห่วง คือลูก้าถึงเวลาที่ต้องฉีดหัดตั้งแต่สิ้นเดือนที่แล้ว น้ำหวานก็ยังเลื่อนฉีดไม่ได้ไปฉีด ไม่กล้าพาไปโรงพยาบาล”

กลายเป็นว่าเป็นแพนิควิตกกังวลไม่อยากออกไปข้างนอกเลย?
“ใช่ค่ะ กลัวมาก คงไปตอนคลอดทีเดียว ให้ลูก้าอยู่กับคุณยาย พอตอนนี้พี่ต้าร์ออกมาแล้ว ก็พ้นเวลากักตัวแล้วก็คงจะเข้าห้องคลอดไปด้วยกัน แต่ว่าเท่าที่ทราบตอนนี้ก่อนที่จะผ่าคลอด คุณหมอจะต้องตรวจเช็กว่าเราเป็นโควิดหรือเปล่า เจาะเลือกทุกคน ถ้าพี่ต้าร์เข้าไปด้วยในห้องนั้นก็น่าจะถูกเจาะด้วย เช็คสุขภาพว่าปลอดเชื้อไหม”

รู้เพศลูกหรือยัง?
“เดี๋ยวรอลุ้นวันนั้นเลย ความจริงต้องไปซาวด์ดู คราวนี้น้ำหวานไม่ได้เทสต์ตั้งแต่ต้น ก็เลยไม่เป็นไรแล้วกัน รู้พร้อมหมอวันนั้นเลย หลังจากคลอดเสร็จก็คงต้องรีบออกมาอยู่บ้าน ไม่อยากอยู่นาน ครั้งที่แล้วอยู่โรงพยาบาลเกือบ 10 วัน ครั้งนี้ก็คงขอเร็วที่สุด น่าจะ 3 วันแล้วก็รีบออกเลย”

สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี?
“ค่ะ แข็งแรงดีค่ะ แค่อาจจะมีเครียดบ้าง”

ได้กำลังใจดีจากคุณสามี?
“สามีก็พยายามปลอบ เพราะว่าบางทีพอน้ำหวานเครียดมากๆ ไม่นอนกลางคืน แล้วท้องแข็ง เราก็พยายามจะไม่ให้ตัวเองเครียดแหละ น้ำหวานอ่านข่าวเยอะเพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวรับกับสถานการณ์ พออ่านไปก็จะเจอข่าวว่า มีลูกเด็กเพิ่งคลอดติดโควิด ก็เครียดไปต่างๆนานา ที่น้ำหวานเลือกที่จะอ่าน เพราะเราจะได้เตรียมตัวได้ถูก เห็นเด็กบางคนใส่เฟซชิลด์ ก็โทรไปถามคุณหมอ คุณหมอบอกไม่แนะนำเพราะว่าเดี๋ยวเด็กขาดออกซิเจน คือเราถามทุกอย่าง เราจะเตรียมตัวยังไงดี กลัวระหว่างที่เอาลูกจากห้องคลอดมาห้องที่เราอยู่ เขาต้องเจอกับอากาศปกติ มันไม่ได้เป็นห้องปลอดเชื้อแล้ว ไม่อยากเสี่ยงค่ะ ตอนแรกคิดว่าพอใกล้ๆคลอด สถานการณ์คงจะดีขึ้น จะมีวัคซีน หมอบอกว่าคุณไม่สามารถอั้นต่อไปถึงกลางเดือนหน้าได้ เพราะตอนแรกคุณหมอนัดวันที่ 27 เมษายน แต่บอกหมอว่าขอเก็บไว้ก่อน ช่วงนี้ยังรู้สึกว่าเสี่ยงอยู่ ขอยืดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรื่องห้องรพ. เรายังรอ โทรตามวันละ 3-4 รอบ ท้ายที่สุดห้องไม่ว่างจริงๆ คงต้องปรึกษาคุณหมอ คือคุณหมอจะลงอยู่แค่ 2-3 รพ. ถ้าย้ายรพ. กับใช้รพ.เดิมแล้วใช้ชั้นเดิม อัตราเสี่ยงตรงไหนที่มันโอเคกว่ากัน เพราะคุณหมอเขาบอกใกล้ๆเดี๋ยวมาคุยกันอีกที”

 

ขอบคุณภาพจาก numwanz

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน