เจ็บตัวไม่เบา! เปา เอิร์ธ ลั่นพิษโควิดกระทบร้านอาหาร ปรับตัวคลายล็อกดาวน์
เปา เอิร์ธ / เจอพิษโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร “หลานกลมกิ๊ก” ของคู่รัก เปาวลี พรพิมล และ เอิร์ธ กานต์ กิจเจริญ ไม่น้อยทีเดียว ตั้งแต่ปรับเปลี่ยนจากนั่งทานในร้านเป็นเดลิเวอรี่ ทำเอารายได้หายไปเยอะ ในขณะที่ยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าเช่าที่
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ค. เปา เอิร์ธ เปิดร้านให้สื่อมวลชนเข้ามาชมบรรยากาศ หลังจากมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ให้ร้านอาหารกลับมาเปิดปกติได้อีกครั้ง แต่ต้องทำตามกฎระเบียบการรักษาระยะห่างในการร่วมโต๊ะเพื่อความปลอดภัย จากนั้นทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับตัวดังกล่าว พร้อมเผยถึงผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ร้าน “หลานกลมกิ๊ก” กลับมาเปิดบริการปกติแล้วเป็นยังไงบ้าง?
เปา – จริงๆ แล้วเราก็เปิดมาเรื่อยๆ แต่เป็นเดลิเวอรี่ให้สั่งกลับบ้าน แล้วทางไลน์แมนก็มี แต่ว่าตอนนี้เพิ่งเปิดเลยค่ะสำหรับให้ลูกค้ามานั่งทานที่ร้านได้
เอิร์ธ – ตอนนี้ทางเขตมาช่วยจัดการให้ว่ามาตรการต้องเป็นยังไง ก่อนเข้าร้านมีการตรวจวัดอุณหภูมิ มีเจลแอลกอฮอลล์บริการ แล้วก็จัดโต๊ะให้ดูว่าจะนั่งได้แค่หัวท้ายโต๊ะละ 2 คน ระยะห่าง 2 เมตร ลูกค้าที่มาใช้บริการก็เข้าใจว่าต้องเป็นแบบนี้ เหมือนเขาติดตามข่าวอยู่แล้ว ซึ่งต้องปรับตัวตาม หน้าร้านก็จะมีป้ายแจ้งว่าต้องทำตามกฎ ตั้งแต่ที่เริ่มเปิดให้คนมานั่งทานในร้านผลตอบรับก็โอเค มีมาทานที่ร้านบ้างส่วนหนึ่งแต่ยังเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่จะเดลิเวอรี่กลับบ้านเหมือนเดิมมากกว่า
คิดถึงบรรยากาศเดิมๆ ที่เคยมีลูกค้ามานั่งในร้านบ้างไหม?
เปา – คิดถึงค่ะ คิดถึงมากด้วยเพราะปกติจะครึกครื้น ยิ่งเสาร์-อาทิตย์นี่แบบว่าจะมากันเป็นครอบครัวเลย ช่วงนี้ก็เป็น New Normal มากันเป็นครอบครัวก็จริงแต่ว่าเราก็ต้องให้นั่งแยกโต๊ะ ตอนนี้เสียงในร้านอาจจะดังหน่อยเพราะต้องเพิ่มเสียงในการคุยกัน(หัวเราะ)
เอิร์ธ – คิดว่าลูกค้าน่าจะเริ่มชินเพราะทุกร้านเป็นเหมือนกันหมด ไม่ใช่แค่ร้านเราร้านเดียว ทุกร้านมีการปรับเปลี่ยนแบบนี้ลูกค้าก็โอเครับได้ ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็เริ่มชิน จริงๆ ทำเดลิเวอรี่ก็ไม่ได้ต่างจากนั่งทานที่ร้านมาก เราก็ดูเป็นรายวันไป
ลูกน้องยังอยู่ครบไหม?
เอิร์ธ – อยู่ครบครับ
เปา – แต่ว่าเราก็ให้เขามาทำงานสลับกัน เพราะว่าจะได้ไม่แน่นหนาเกินไป อย่างในห้องครัวก็ลดเหลือครึ่งหนึ่ง เราเองก็ไม่อยากให้เขากลับไปต่างจังหวัดด้วยเพราะเราก็ไม่รู้ว่าที่ไหนมีเชื้อบ้าง แล้วเวลาเขาเดินทางไปที่ไหนก็จะให้รายงานตลอดว่าไปไหนมาบ้าง ทุกครั้งที่มาทำอาหารก็จะให้รักษาความสะอาดด้วย
เอิร์ธ – พนักงานทั้งร้านมี 28 คน แต่ว่าจะจัดกะให้เขาเข้ามาทำงาน แต่ไม่ได้มีการไล่ออก พอเข้ามาปุ๊บทุกคนต้องวัดไข้ รวมถึงเจ้าของร้านด้วย
ช่วงก่อนที่ยังไม่คลายล็อกดาวน์ ร้านอาหารของเราได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน?
เปา – ถือว่ามากนะคะ เพราะว่าทุกอย่างต้องปรับตัวอย่างมาก มันเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ ตอนแรกที่มีข่าวเรื่องโควิดเข้ามา ร้านเราก็ต้องปรับตัวเพราะตอนนั้นคนก็เริ่มกลัวว่าร้านอาหารมีคนเข้ามาเยอะแล้วจะเป็นยังไงมั้ย ซึ่งทางร้านเราก็มีทีมมาฆ่าเชื้อทุกซอกทุกมุม
ช่วงเวลาที่ผ่านมาถือว่าขาดทุนไหม?
เอิร์ธ – เยอะครับ ต้องบอกก่อนว่าคนมาร้านอาหารเพราะต้องการจะมาทานอาหารที่ทำเสร็จและกินเลย อย่างเดลิเวอรี่กว่าจะถึงบ้านอีกเนอะ รายได้ก็หายไปเยอะครับ แต่ว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นอีกหลังจากโควิดหมดไป ถามว่ามีท้อมั้ย ไม่ท้อ แต่เหนื่อย แล้วเราสองคนก็คุยกันทุกวันว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้จะปรับตัวได้ยังไงบ้าง มีการปรับเปลี่ยนแผนทุกวัน ปัญหาใหม่ก็มีเข้ามาทุกวัน ถามพ่อกิ๊กว่ายังไงบ้าง พ่อบอกว่าเต็มที่เลย ยังไงก็ได้ คือถ้าเกิดลูกค้าอยู่ได้ เราอยู่ได้ เรียกว่าก็ช่วยๆ กันครับ
ภาระคาใช้จ่ายหลักๆ ของร้านคืออะไร?
เอิร์ธ – ตอนนี้จะเป็นค่าพนักงานกับค่าเช่าที่ ส่วนเรื่องค่าที่เราก็ขอไปทางเจ้าของที่ เขาก็เมตตาลดหย่อนค่าเช่าให้ ซึ่งก็ช่วยไปได้เยอะเลย
แล้วกับงานในวงการเบันทิงของเปาล่ะ?
เปา – เป็นศูนย์เลยค่ะ(หัวเราะ) ที่จริงเปาไม่ได้ร้องเพลงมาตั้งแต่เดือนก.พ.แล้วค่ะ ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่นานที่สุดในชีวิตแล้วที่ไม่ได้จับไมค์ เราก็เปลี่ยนวิถีชีวิตจากร้องเพลงบนเวทีกลายเป็นร้องเพลงที่บ้าน มาไลฟ์แทน เพื่อที่จะให้แฟนๆ คลายเครียดและหายคิดถึงกันไปบ้าง ในส่วนของรายได้ก็หายวับไปเลย แต่เราคิดในทางที่ดีว่าจะได้ดูแลตัวเองในช่วงนี้ แล้วก็ช่วยเอิร์ธดูแลร้านด้วย ส่วนงานเพลงเราก็คิดว่าถ้าเกิดสมมุติหลังโควิดไปแล้วคงได้กลับมาสนุกกลับมาร้องเพลงอีกครั้งได้
จริงๆ กระทบเยอะไหมเพราะก่อนหน้าโควิดเพิ่งจะปล่อยซิงเกิลใหม่ด้วย?
เปา – จริงๆ นี่กำลังจะปล่อยเพลงใหม่ด้วย แต่โชคดีที่เปาถ่ายเอ็มวีครบไปล้ว 5 เพลง ช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นการทยอยปล่อยเพลงและให้แฟนๆ ได้ดูกันทางยูทูบก่อนแล้วกัน
