หมิง อรินทร์มาศ เข็ดรักครั้งเก่า ได้บทเรียนระวังตัว เผยหนุ่มคนใหม่เจอด่านหิน

วันที่ 28 พ.ค. ที่สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ หมิง อรินทร์มาศ หรือ หมิง ชาลิสา บุญครองทรัพย์ อดีตนางสาวไทย เดิมทางมาร่วมบริจาคโลหิต พร้อมกับมอบ แอลพลัส เจลแอลกอฮอล์ 75% ให้กับสภากาชาดไทย ไว้สำหรับแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมบริจาคโลหิต ก่อนเข้าทำการบริจาคเลือดจากนั้นให้สัมภาษณ์ อัพเดตสถานะหัวใจ เข็ดกับความรักครั้งเก่า จนตั้งกำแพงไว้สูง แม้มีหนุ่มคนใหม่เข้ามาคุยแล้วแต่ต้องเจอด่านหิน

 

เป็นอีกหนึ่งคนที่ไปบริจาคของช่วยเหลือคนค่อนข้างเยอะ?

“เยอะมากค่ะ คือจริงๆตั้งแต่เริ่มมีเหตุการณ์โควิด-19 มีเพื่อนหรือมีใครมาบอกว่าตรงไหนมีความเดือดร้อน เราก็จะมีของไปบริจาค จะไปช่วยเหลือทั้งแรงกายด้วย กำลังทรัพย์ด้วย เหมือนหลายๆคนที่เขาช่วยๆกันมา เราก็จะร่วมกันไป ก็ไปเยอะมากเลยค่ะ นอกจากที่ตัวเองไปด้วย ก็มีซื้อชุด PPE หน้ากาก N95 แจกไปตามโรงพยาบาลทั่วประเทศเลยค่ะ เป็นสิบกว่าโรงพยาบาลแล้ว

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

อย่างที่หมิงบอกว่าตอนนี้ทำผลิตภัณฑ์ LPLUS จริงๆทำมาเพื่อบริจาคก่อน หมิงก็จะมีของของตัวเองเอาไปบริจาคหลายๆที่ และส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งข้าว อาหาร อย่างร้านอาหารปัจจุบัน เขาจะส่งให้เรารีวิว ตอนนี้หมิงตกลงกับทางร้านว่าถ้าจะให้หมิงรีวิว ต้องเอาของไปบริจาคด้วย ถึงจะรีวิว เขาก็จะส่งมาให้เรารีวิวแล้วก็เอาไปบริจาคด้วยแบบนี้ค่ะ หลังจากนี้ก็ยังมีอีก เพราะของยังมีอยู่ และตอนนี้ยังมีคนที่เขาขอความช่วยเหลือมาจากทั้งอินสตาแกรม เฟชบุ๊ค มีเรื่อยๆเลยค่ะ”

ก่อนหน้านี้ไปออกรายการคลับฟรายเดย์ พูดถึงเรื่องความรัก?

“ค่ะ (หัวเราะ) เป็นรายการที่กลัวมาก ต้องบอกว่าเป็นรายการที่ตอนแรกไม่กล้าอยากจะไปออก พอดีคุยกับน้องทีมงานว่า เราสะดวกใจที่อยากจะพูดเท่านี้ ต้องยอมรับว่าเวลาเหตุการณ์ เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เราก็ไม่ค่อยอยากไปพูดถึงเรื่องคนเก่าๆมากนัก เพราะบางทีตัวเราเองก็มีทางเดินเส้นใหม่ของเรา เขาก็มีเส้นใหม่ของเขา แต่หมิงก็ไปพูดในมุมมองความรักมากกว่า มันเหมือนการสะท้อนให้เห็น บางคนอาจจะมีประสบการณ์เหมือนเรา แล้วในวันนี้เขายังหาทางออกไม่ได้ แต่เราออกมาได้แล้ว มันก็เป็นกำลังใจให้เขามากกว่า”

ดูเหมือนเราเข็ดมาก ไม่เอาแล้ว?

“มันเข็ดจริงๆค่ะ คือสิ่งที่เจอในเทปที่เล่าไป มันเข็ดจริงๆ เพราะหมิงเชื่อว่ามันไม่ใช่หมิงคนเดียวที่เจอเหตุการณ์แบบนั้น มันมีหลายต่อหลายคนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้การที่เรามีโซเชียลเยอะแยะมากมาย มันทำให้คนเรารู้จักกันง่ายขึ้น เราทำความรู้จักกันได้เร็วขึ้น มันไม่ได้มีกำแพงมากนัก มันก็เป็นดาบสองคมของชีวิตคู่ หมายถึงคนที่คบกัน ความสัมพันธ์แบบนี้”

หลายคนก็ตามว่าเป็นใคร?

“อย่าไปรู้เลยค่ะ(หัวเราะ) เอาเป็นว่าขอไม่บอก แต่ว่ามันเป็นประสบการณ์มาเล่าให้ทุกๆคนได้ฟังว่าเราเคยเจอแบบนี้ บางคนตอนนี้อาจจะประสบอยู่ แล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่แย่ที่สุดในชีวิต บางคนถึงขั้นคิดในทางที่ไม่ดีกับตัวเอง อยากจะบอกว่าทุกอย่างมันมีทางออก และอยากจะให้รักตัวเองเยอะๆ ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่เราและตัวเราแล้ว ถ้าเขาทำไม่ดี ไม่ต้องคิดอะไรเลย เราทำตัวของเราให้ดีที่สุดดีกว่า”

มีฟีดแบ็กมาถึงเราไหมว่ามาเล่าเรื่องเราทำไม?

“ไม่มีค่ะ เพราะหมิงพูดกับทางรายการชัดเจน ว่าหมิงไม่ได้ออกมาเพื่อจะมาแฉใคร ทุกๆคนเขาก็มีเส้นทางของเขา เราก็มีเส้นทางของเราเหมือนกัน แต่เราแค่มาเล่าประสบการณ์แชร์ให้ฟังเฉยๆ เราไม่ได้พูดอะไรน่าเกลียดเลย เราไม่ได้ไปว่าเขา ถ้าดูจริงๆหมิงมีแต่แฉตัวเองว่ารู้สึกอายมากกับสิ่งที่เล่าไป”

“มันไม่ใช่ว่าเราไม่อยากมีความรักอีก ถ้าเราเจอคนที่ดี คนที่ใช่เราก็อยากเริ่มต้นใหม่นะคะ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา มันก็เป็นบททดสอบ บทเรียนให้กับเราต้องระวังตัวเองมากยิ่งขึ้น เราต้องดูคนมากแค่ไหน ต้องระวังคนมากแค่ไหน”

ตอนนี้โสดมากี่ปีแล้ว?

“ก็น่าจะเกือบปีแล้วนะคะ”

มีคนเข้ามาเยอะไหม?

“ก็มีเข้ามาคุยค่ะ ถามว่าในวงการไหมหรอคะ เรียกว่าไม่อยู่ในวงการดีกว่าค่ะ(หัวเราะ)”

ไม่รู้จะโสดนานแค่ไหน?

“จริงๆมันก็มีคนเข้ามาแหละ เราก็อายุเท่านี้แล้ว เราก็ต้องดูๆกันไป ถ้ามีเข้ามาแล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้น หมิงว่าเราคบไปก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าอะไรที่เราก็ดูแลตัวเองได้ อยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องสร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง ก็ต้องเลือกเอา”

ยังไม่หมดศรัทธาในเรื่องความรักใช่ไหม?

“ก็แอบกลัว แอบหมดไปบ้าง เฮ้ย คนดีจริงๆมีมั้ย นอกเหนือจากตัวเราที่เราเจอ คนรอบข้างก็มีคนที่เจอหนักกว่าเราเยอะมาก ก็คิดว่า เฮ้ย ขนาดนี้เลยหรอ เราก็คิดว่าเราระวังคนของเราแล้ว แต่คนอื่นที่เข้ามาก็น่ากลัวเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไง”

ก็มีผลกับรักครั้งใหม่?

“ก็อาจจะเป็นกำแพงสูงขึ้นให้กับคนที่เข้ามาใหม่ ที่เขาอาจจะงงว่า ทำไมต้องตั้งกำแพงขนาดนั้น แต่อย่างที่บอกเราเป็นผู้หญิง เราก็ไม่อยากคบใครไปเรื่อยๆแล้ว อยากเรียนรู้จริงๆ ถ้าใช่จะได้แต่งงาน มีครอบครัวไป”

เห็นว่าคนใหม่แฮปปี้มากคนนี้?

“ใครคะ (หัวเราะ) ก็มีคนคุย ถามว่าหล่อไหม ก็ดูโอเคค่ะ”

เรียกแฟนได้แล้ว?

“หมิงว่าคุยๆอยู่ดีกว่า อย่างที่บอกกำแพงสูงมาก ถ้าเขาไม่ชนะใจเรา ไม่ชนะใจคุณพ่อคุณแม่ หมิงพูดเลยว่าจะไม่เริ่มต้น หมิงว่าเป็นปราการสุดท้ายแล้วล่ะ ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยดูด้วย”

ไม่รีบร้อนแล้ว?

“ไม่รีบร้อนค่ะ เอาจริงๆค่ะ”

เพื่อนเชียร์ให้แต่งงาน?

“เพื่อนแต่งงานกันหมดแล้ว เขาอยากเห็นเรามีครอบครัว แต่จังหวะชีวิตคนเราไม่เท่ากัน ถ้าจังหวะเราไม่มา รีบไปก็เท่านั้น แต่ถ้าเจอคนที่ใช่ บางที 3 เดือน 6 เดือน อาจจะแต่งงานเลยก็ได้ ถ้าเขาใช่จริงๆ แล้วทำดีให้พ่อแม่เห็น ตัวเราเห็น มั่นใจว่าคือคนที่ฝากไว้ได้จริงๆ เราก็จะตัดสินใจได้ค่ะ”

ไม่ลงรูปเลย?

“ไม่ค่ะ ไม่ลง ขอเก็บไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวนิดนึง”

พ่อแม่มีโอกาสเจอแล้ว?

“เคยเจอแล้วค่ะ ก็ถ้าอยากจะเข้ามาก็ต้องให้พ่อแม่ตัดสินใจด้วย แล้วมาจากสายบุญ บริจาคโควิดนี่แหละค่ะ รู้จักกันชวนกันไปทำบุญ เหมือนถูกคอกัน ก็เลยศึกษากันไป”

พ่อแม่ว่ายังไงบ้าง?

“เขาบอกให้ค่อยๆดูค่ะ ค่อยๆศึกษาไป คนดีเราอาจจะตัดสินไม่ได้ภายในเดือน 2 เดือน ถ้าคนที่อยากเข้ามา เขาอยากชนะใจเรา ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ”

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ขอบคุณภาพจาก mingmoonoi

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน