เอิร์น สุรัตน์ติกานต์ ย้อนปม ภูมิแพ้หน้าเปลี่ยน เกือบชวดเป็นศิลปิน-โดนฉีกสัญญา

เป็นนักร้องมากความสามารถอีกหนึ่งคนของวงการเพลงลูกทุ่ง สำหรับ เอิร์น สุรัตน์ติกานต์ ที่ล่าสุดเจ้าตัว ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องone31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกร ถึงประเด็นเกือบจะไม่ได้เป็นนักร้อง พร้อมแจงปมดราม่า ภูมิแพ้หน้าเปลี่ยน โต้ประเด็นท้องก่อนแต่ง

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เห็นบอกว่าช่วงโควิดทำพิษครอบครัวหนักมากๆ ?
“หนักมากค่ะ เพราะว่าในช่วงของโควิดระบาดในเรื่องของการงานของเอิร์นก็ต้องหยุดไปก่อน แล้วช่วงนั้นกำลังจะมีซิงเกิลใหม่ก็ต้องหยุดไปก่อน สามีก็เช่นกัน ช่วงนั้นก็ไม่ได้บินเลย สามีทำงานเป็นนักบินค่ะ”

ตอนนั้นหนักใจไหม?
“หนักใจเหมือนกันค่ะ เพราะว่าเหตุการณ์มันค่อนข้างเร็ว แป๊บเดียวทุกอย่างถูกยกเลิกหมด เพราะว่าเวลาเราทำงานเราก็วางแผนเป็นปี”

จนมาพลิกตัวเองเป็นแม่ค้า?
“ขายออนไลน์ เพราะว่ามันจะมีเสื้อที่เราชอบใส่ แล้วเวลาใส่คนชอบถามเยอะ ก็เลยลองจับตัวนั้นมาลองขายในเฟซบุ๊กตัวเอง ลองพูดให้แฟนคลับฟัง สุดท้ายเขาก็ขอซื้อ พอขอซื้อเยอะขึ้นเราก็เลยลองขายทางออนไลน์ดู”

ขอย้อนกลับไปก่อนเข้าเดอะสตาร์ทราบว่าแม่ป่วย?
“ตอนนั้นแม่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ตอนนั้นเอิร์นเรียนอยู่ประมาณปี2 คุณแม่ก็เป็นมะเร็ง แล้วรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทุกวันเอิร์นจะต้องไปเฝ้าแม่ พอเราเข้าประกวดปุ๊บมันต้องเก็บตัวในบ้าน ซึ่งไม่มีเวลาได้ไปหาคุณแม่เลยเป็นเดือนๆ เขาก็ต้องใช้ชีวิตคนเดียวไม่มีใครดูแล ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง”

แต่โชคดีคุณแม่หายได้ รักษานานไหมกว่าจะหาย?
“รักษาอยู่เป็นปี ให้ทั้งคีโม ฉายแสง อยู่ 2-3 รอบ รอบละเป็น 10 ครั้ง สุดท้ายก็ดีขึ้น ตรวจก็ไม่พบแล้ว”ณ วันนั้น ทำไมเราตัดสินใจเดินเข้าบ้านไปประกวด ไม่หยุดแล้วกลับไปดูแม่?
“คิดอยู่เหมือนกัน คือมันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณแม่พยายามหาโอกาสให้เราได้เข้าวงการ มันเป็นความหวังของที่บ้านด้วย ของเราด้วย เราก็อยากทำให้สำเร็จ แล้วเอิร์นเชื่อว่าสิ่งที่ตัดสินใจมันจะเป็นความภาคภูมิใจให้กับแม่ได้”

แต่พอแม่หาย คุณพ่อก็มาป่วยหนักอีก?
“ใช่ค่ะ หลังจากที่ออกจากบ้านเดอะสตาร์ก็ได้ข่าว จริงๆ คุณพ่อน่าจะป่วยมาสักพักแล้วแต่เขาก็พยายามเก็บอาการ มาป่วยหนักๆ ช่วงต้นปีไปตรวจปุ๊บ ปรากฎว่าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย แล้วอีก 6 เดือนก็เสียชีวิต”

เห็นว่ากว่าจะมาเป็นศิลปิน กว่าจะออกอัลบั้ม โดนดองมาพอสมควร เกือบจะไม่ได้เป็น?
“สมัยนั้นการเป็นนักร้องมันไม่ง่ายเลย พอจบรายการ เดอะสตาร์ ก็มีโอกาสได้เทสเสียงก็ได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ เราก็รู้สึกว่าเดี๋ยวเราใกล้จะได้เป็นนักร้องแล้ว แต่ว่าปีที่1-2-3 ก็ยังไม่ได้เป็นสักที ได้เป็นแต่นักร้องฝึกหัด”

อดทนมา 3 ปี จนเกือบโดนยกเลิกสัญญา?
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นผู้ใหญ่ก็เรียกเข้าไปประชุมว่าผลงานเราจะยังไงดี เขาก็บอกว่าไม่มีใครคิดออกเลย ว่าเอิร์นจะร้องแนวไหน บุคลิกแบบนี้ควรจะออกมาเป็นยังไง ซึ่งตอนนั้นไม่มีโปรดิวเซอร์คนไหนรับเราไปทำเลย”แล้วรู้สึกยังไงที่ครูสลา บอกว่าผมจะปั้นคุณเอง?
“เอิร์นยังจำน้ำเสียง ท่าทาง จำวันนั้นได้ดีเลย ครูเป็นคนแรกที่ให้โอกาสเอิร์นได้มีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ เป็นคนที่พลิกชีวิต เปลี่ยนชีวิตเอิร์นเลย เพราะว่าวันนั้นมันหมดสิ้นแล้ว ไม่มีใครรับเอิร์นเลย”

ที่มันมีแฮชแท็ก ภูมิแพ้หน้าเปลี่ยน มันเกิดอะไรขึ้น?
“จะบอกว่าพื้นเพหน้าตาเป็นคนไม่สวยอยู่แล้ว แล้วเป็นอีกหนึ่งคำพูดก่อนที่จะทำอัลบั้ม เขาบอกว่าหน้าตาแบบนี้มันจะเป็นนักร้องได้หรอ ไม่สวย จะเป็นนักร้องได้หรอ ใครเขาจะทำอัลบั้มให้ เราก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นปมที่มันฝังอยู่ในใจ เราก็เลยแบบถ้าวันหนึ่งฉันมีตังค์ ฉันจะทำอะไรสักอย่างให้มันสวย ให้มันดีขึ้น แล้วพอเราเริ่มใกล้ทำอัลบัมแรก ไปทัวร์กับพี่ๆ ก็เริ่มเก็บตังค์แล้วเริ่มจัดฟัน แล้วพอมีตังค์ขึ้นมาอีกนิดก็อยากทำจมูก ก็ไปทำ”

แล้ววันนั้นเอิร์นให้สัมภาษณ์นักข่าวแล้วมันเป็นประเด็น มีแฮชแท็กติดตัวมาจนทุกวันนี้ วันนั้นตัดสินใจยังไงบอกนักข่าวว่าเราเป็นภูมิแพ้?
“จริงๆ ก็เป็นภูมิแพ้ด้วย เป็นค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกัน แล้ววันนั้น เพิ่งไปตัดปีกจมูกแล้วอาการภูมิแพ้มันกำเริบ จมูกมันก็เลยบวมผิดปกติ ประจวบเหมาะกับตอนนั้นงานเข้าพอดี พอถ่ายออกไปหนึ่งสื่อ พอหน้ามันเปลี่ยน มีคนพูดถึง มีงานเข้ามาแบบเยอะมาก แล้วคนก็เข้าใจผิดว่าเราศัลยกรรมเป็นพิษ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว อาการภูมิแพ้จะกลับมาเป็นพักๆ”
มีข่าวว่าเราท้องก่อนแต่ง?
“จริงๆ แล้วไม่ได้ท้องก่อนแต่ง ก่อนจะท้องแต่งมาค่อนข้างนานแล้วนะ แต่คนก็ไม่ค่อยรู้ เพราะตอนแต่งงานก็ไม่ได้บอกใคร”

ทำไมตอนนั้นไม่มีข่าวหลุดออกมาว่าเอิร์นแต่งงาน?
“จริงๆ ตอนคบก็ไม่ได้บอกใคร แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ปิด คบกันมาตั้งแต่ปี 50”

ทำกิ๊ฟท์มาแล้ว 7 ครั้ง?
“ค่ะ ก่อนแต่งงานเราก็ไปตรวจสุขภาพทั้งคู่ คุณหมอบอกว่าอายุเยอะกันทั้งคู่ ก็อยากให้เก็บไข่ เก็บเชื้อไว้ก่อน แต่พอถึงเวลาจริงๆ เราก็แต่งงาน พยายามจะมีลูกกัน 1 ปี ก็ไม่มี คุณหมอก็สันนิษฐานว่าด้วยอาชีพการงานของเราทั้งคู่ ทานไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา มันอาจจะส่งผลให้สุขภาพเราไม่พร้อม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน