เมย์ พิชญ์นาฏ แฮปปี้ หลังปลดล็อก ธุรกิจเดินหน้า ความรักลงตัว

ปลดล็อกปุ๊บ นักแสดงสาว เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร ก็ลุยเปิดขายแฟนไชส์ ชานมไข่มุก BAE milk tea ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี นอกจากนั้นนักแสดงสาวยังเผยถึงความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ บิ๊ก อัครวัชร คงสิริกาญจน์

เมย์ พิชญ์นาฏ

เมย์ พิชญ์นาฏ

ถามถึงกิจการ ชานมไข่มุก BAE milk tea เป็นยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ทาง สยามสแควร์วันเปิดแล้ว และเราก็เปิดขายแล้ว คนก็กลับมาเดินบ้าง แต่ยังไม่เยอะเท่าเดิม ยังไม่ถึงครึ่งเลย แต่ว่ามันต้องเปิดแล้ว ต้องทำงาน คิดว่าทุกร้านเป็นเหมือนกัน แต่ว่าช่วงนี้เราเริ่มขยายสาขา เริ่มขายแฟนไชส์ ซึ่งมีคนสนใจเยอะพอสมควร เพราะว่ามันเป็นแบรนด์ใหม่ แฮปปี้นะมีคนโทรเข้ามากันเยอะ เกือบ 90 คนที่โทรมาบอกว่าสนใจ

แต่ก็มีหลายคนเขาก็ไม่รู้อะไรเลย เราก็ต้องสอน ต้องบอกว่าเขามีที่หรือยัง ต้องไปหาที่ก่อนนะ เราก็มีช่วยหาด้วย ตอนนี้ก็มีตกลงกันไปบ้างแล้วประมาณนึง ตอนนี้เมย์คิดว่าประเทศเราค่อนข้างดีกว่าประเทศอื่น ก็กลับมาทำงานได้แล้วค่ะ ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าพร้อมแล้ว เลยเปิดขายแฟนไชส์ แล้วก็คงต้องมาทำการตลาดเพิ่ม ไปเน้นในเรื่องการขยายสาขา

พอเปิดร้านปุ๊ป เรามีมาตรการอย่างไรบ้าง เพราะว่าตอนนี้คนก็ยังคงมีความกลัวกันอยู่?
“ถามว่าคนยังกังวลกันอยู่มั้ย ส่วนนึงก็ยังกังวล อีกส่วนหนึ่งจากข่าวมันก็ไม่ได้มีผู้ติดเชื้อจากคนในประเทศมาเกือบ 30 วันแล้วนะ เมย์ว่าทุกคนค่อนข้างเบาใจ แต่ว่าต้องใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มอล ให้เขาโหลดเว็บไทยชนะ ต้องให้เขาใส่แมสก์ ต้องตรวจวัคอุณหภูมิ

ซึ่งสำหรับตัวเมย์เองไม่ได้กังวลในเรื่องนั้นเท่าไหร่แล้ว ถ้าเราทำตามถูกต้องทุกอย่างไม่น่าจะเป็นอะไร ที่ร้านทางศูนย์เขาก็ให้เราทำเป็นที่กั้นใสๆ ให้เว้นระยะห่าง เราก็ทำมาร์กให้ลูกค้าเว้นระยะห่าง
ส่วนครัวกลางที่ก็ยังเป็นเดลิเวอรี่ด้วย

เริ่มมีออกบูธเล็กๆ ซึ่งวันนี้ก็ไปที่เอ็มควอเทียร์ ทำให้มีทางเลือก สำหรับคนที่จะมีซื้อแฟนไชส์ คนที่มีงบน้อยก็เปิดเล็กๆ ไม่ต้องมีเมนูเยอะ หรือว่าคนที่อยากเปิดเป็นช็อปแบบเราก็ได้ เรามีให้เลือก คือตอนนี้ลุยเรื่องชานมเป็นหลัก ส่วนเรื่องละครก็คิดถึงเหมือนกัน รอดูบทที่เหมาะสม เดี๋ยวจะกลับไปรับ ปีนี้น่าจะมีสักเรื่อง”

อย่างคนที่มาซื้อแฟนไชส์ของเราต้องดูอย่างไรบ้าง?
“เราต้องดูก่อนว่าเขามีหัวด้านธุรกิจมั้ย ถ้าไม่มีเราก็ต้องแนะนำใหม่หมดเลย ต้องดูงบประมาณ ดูทะเลให้เขาด้วย เพราะว่าเราไม่อยากให้เขาเอาแล้วขายไม่ได้ ขายไม่ดี ทำเลผิดที่ เรามีทีมของเราที่ดูว่าคนไหนเหมาะ เราก็เลือกด้วย ไม่ได้ให้ทุกคน จริงๆ ก็จำกัดเหมือนกัน ไม่ได้เอาแต่ขาย”

แสดงว่าพอเปิดกิจการหลังโควิดมา กิจการของเราถือว่ารายรับอยู่ในเชิงบวก?
“โอเคนะ เมย์รู้สึกแฮปปี้ เมย์ได้ทำงาน ถึงมันจะไม่ได้มากเท่าเดิม แต่มันเป็นสัญญานที่ดี เราได้ทำงานแล้ว ถึงคนจะเดินผ่านหน้าร้านเราน้อยกว่าเดิมเยอะ แต่มันก็โอเค อย่างเวลาที่เราประกาศขายแฟนไชส์ หรือประกาศรับสมัครงาน คือไม่ได้เงียบถือว่าโอเค”

เรื่องไปเที่ยวบ้าง?
“ไปกับกลุ่มเพื่อน เมย์เป็นคนที่มีเพื่อนหลายกลุ่ม ที่ผ่านมาไปหัวหินกับเพื่อนกลุ่มที่เรียนด้วยกัน 10 คนได้ เราก็กลัวนะ แต่เราจะไว้ใจเฉพาะเพื่อนเรา เราก็ไปเช่าบ้านหลังที่มีหลายๆห้อง แล้วก็อยู่รวมกัน ซื้ออาหารมากินด้วยกัน เล่นทะเลกัน เราอยู่ในโซนของเรา ยังไม่ค่อยออกไปที่พลุกพล่าน อย่างวีคต่อไปก็จะไปเที่ยวกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ไประยอง เป็นโรงแรมของเพื่อนรุ่นพี่”

แต่ไปเที่ยวทะเลคนก็โฟกัสเรื่องหุ่นแซ่บๆ ของเรา?
“หุ่น บอกจริงๆ ตอนนี้มันบึ้บบั้บกว่าเดิมเยอะ เมย์อ้วนขึ้น ช่วงที่เมย์หุ่นดีๆ จะหนัก 48 กก. อ้วนเต็มที่ยังไงจะไม่เกิน 51 กก. แต่พยายามจะให้นำหนักอยู่ที่ 49 ก.ก. ตั้งแต่มีโควิดมา มีอยู่วันรู้สึกว่าเราตัวอ้วนมาก คือกินกับนอน มีคนให้ช่วยรีวิวอาหาร เราก็ช่วย บางคนที่เขาส่งมาให้ เขาส่งให้เยอะมาก เพราะเขาเกรงใจเรา และของที่ส่งมามันก็เป็นของที่ดี เราก็เสียดาย กินหมด น้ำหนักขึ้นมาเป็น 54.7 กก.”

รูปชุดว่ายน้ำที่ถ่ายตอนไปหัวหินล่าสุด ดูไม่อ้วนนะ?
“อันนั้นลดไปแล้ว 3 กก. แต่ว่ายังเหลืออีก 4 กก. ตอนนี้น่าจะหนักอยู่ที่ 52 กก.”

หุ่นยังแซ่บอยู่นะ?
“แต่มันดูแน่นๆ ปกติเป็นคนที่มีสะโพก ขาก็จะเล็กๆ แต่ตอนนี้ขามันแน่น บึ้บบั้บนิดหนึ่ง แล้วส่วนที่ลดยากคือก้นกับขานี้แหละ ก้น พุง ไม่ค่อยออก”

ก่อนหน้านี้เหมือนเราก็ออกกำลังกายอยู่?
“ออกกำลังกายแล้ว น้ำหนักก็ลดลงมาแล้วช่วงหนึ่ง แต่ว่าโควิดยังอยู่ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าเราผอมลงแล้ว ทำอะไรดีล่ะ กินต่อ แต่ตอนนี้เมย์เริ่มออกกำลังกายเยอะขึ้นมาก มีเอาเทรนเนอร์มาที่คอนโด ไปออกกำลังกายกับรุ่นน้อง อีกแป๊บจะไปปั่นจักยานแล้วนะ เอาทุกทางแล้วตอนนี้ คือต้องผอมแล้วล่ะ”

มาเรื่องความรักบ้าง?
“ดีนะ ช่วงที่เราติดโควิด มันทำให้เรามีเวลาให้เราอยู่ด้วยกันเยอะขึ้น เพราะว่าเราก็ไม่ได้ไว้ใจคนอื่น จะไปบ้านเพื่อน เราก็ไปบ้านเพื่อนได้คนสองคน ที่เราไว้ใจเขา และเขาก็ไว้ใจเรา แล้วก็บ้านเรา บ้านแฟนเรา ออฟฟิศเรา ออฟฟิศแฟนเรา มันมีอยู่แค่นี้ มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้นิสัยกันเยอะขึ้น สนิทกันเยอะขึ้น จากตอนแรกที่คิดว่ารู้จักกันแล้ว ก็สนิทกันมากกว่าเดิม คิดว่าไม่มีอะไรที่ไม่รู้นิสัยเขาแล้วนะ มันก็โอเค”

 

ที่บ้านว่าอย่างไรบ้าง?
“เขาเป็นคนที่ฉลาดและวางตัวดี พาไปเจอใครก็ไม่ได้ทำให้เราไม่สบายใจ ฟังเราโอเคกับเขาทุกคนนะ แต่ฝั่งเขาก็ต้องถามเขาแล้วแหละ”

ด้วยความที่เรารู้จักกันเยอะๆ มันทำให้เริ่มคิดถึงอนาคตแล้วหรือยัง?
“เรื่องอยากแต่งงาน เคยอยากแต่งงานตั้งแต่ตอนอายุ 30 จนตอนนี้เลยมาไกลมาก จนพอมีโควิดมา ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นเมย์ไม่ได้คิดว่าจะต้องแต่งหรือว่าอะไรแล้ว เมย์คิดว่าแต่งก็ได้ ไม่แต่งก็ได้ เราขอใช้ชีวิตในทุกวันให้มันมีความสุขดีกว่า

เราจะดูแลคนที่เรารักอย่างไรให้เขามีความสุข คิดแค่นี้เอง ตอนนี้คุณแม่ก็อายุเริ่มเยอะ เขาก็ต้องไปตรวจสุขภาพตลอด ทุกครั้งที่เขาไปตรวจเลือดหรือเช็คสุขภาพ เราก็จะคอยถาม ตกลงเป็นยังไง ผลเลือดดีมั้ย คุณหมอว่ายังไง เพราะว่าเขาก็แก่แล้ว แล้วก็เริ่มมีโรคความดัน โรคเบาหวานก็จะห่วงตรงนี้

ส่วนกับบิ๊กไม่ได้ห่วงอะไร แค่เราจะไม่มานั่งทะเลาะกันให้มันไม่สบายใจกัน ตั้งแต่คบกัน ทะเลากันน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กๆ เป็นเรื่องของกิน ขัดใจเรา เราก็มีงี่เง่านิดหน่อย(หัวเราะ) คนก็ถามเยอะว่ายังไง ก็คิดว่าคบกันมันก็มองอนาคตอยู่แล้ว แต่ว่าไม่ได้ไปกดดัน ไม่ได้ขีดเส้นเหมือนแต่ก่อนว่าคบไปขนาดนี้ ไม่มีอนาคตจะเลิกแล้วนะ ไม่มีแบบนี้

เราเอาที่มันสบายๆดีกว่า เพราะว่าเราไม่รู้ว่าโรคนี้มันจะหายไปเมื่อไหร่ เราจะติดเมื่อไหร่ เราดูแลกันให้มีความสุข สุขภาพดี สภาพจิตใจเรามีความสุขดีกว่า ถ้าไปกดดันตรงนั้น ถ้าเกิดเขาไม่พร้อม แล้วเขามาเลิกกับเราตอนนี้ เราก็แย่นะ(หัวเราะ) ตอนนี้เมย์มีความสุขแล้ว มันโอเคแล้ว มันไม่จำเป็นแล้วเรื่องพวกนั้นมันเฉยๆแล้วสำหรับเมย์ ตอนนี้ขอแค่ได้ทำงาน ร้านไปได้ดี มีลูกค้า พ่อแม่แข็งแรง คนรอบข้างที่เรารักมีความสุข ตัวเราแข็งแรง มีความสุขก็พอแล้ว”

ขอบคุณรูปจากไอจี : maypitchy

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน